tag:blogger.com,1999:blog-82722295344993578342024-02-19T17:00:42.476+07:00การถ่ายภาพ ด้วยกล้อง slr กล้องดิจิตอล compact ทิปเทคนิค Free wallpaperเรียนรู้ ทิป เทคนิค และการถ่ายภาพ ด้วยกล้อง slr กล้องดิจิตอล compact free download wallpaperนาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.comBlogger86125tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-45593410181717467302018-03-20T13:59:00.001+07:002018-03-20T13:59:36.642+07:00ทำคีบหางหนูนา<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="270" src="https://www.youtube.com/embed/u8FZyOsdm8k" width="480"></iframe><br />
<br />
ส่วนที่จะให้แสดง<br />
<span id="fullpost"><br />
ส่วนที่เหลือ<br />
<br />
<span style="font-family: "verdana";"><span style="color: #006600;"><b><span style="font-size: 130%;">บทความที่เกี่ยวข้อง</span></b><br />
</span></span></span><br /><br />
<ul><span id="fullpost">
<li><a href="https://www.blogger.com/blog-this.g?n=%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%B2&source=youtube&b=%3Ciframe+width%3D%22480%22+height%3D%22270%22+src%3D%22https://www.youtube.com/embed/u8FZyOsdm8k%22+frameborder%3D%220%22+allow%3D%22autoplay;+encrypted-media%22+allowfullscreen%3E%3C/iframe%3E&eurl=https://i.ytimg.com/vi/u8FZyOsdm8k/maxresdefault.jpg">???</a></li>
<li><a href="https://www.blogger.com/blog-this.g?n=%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%B2&source=youtube&b=%3Ciframe+width%3D%22480%22+height%3D%22270%22+src%3D%22https://www.youtube.com/embed/u8FZyOsdm8k%22+frameborder%3D%220%22+allow%3D%22autoplay;+encrypted-media%22+allowfullscreen%3E%3C/iframe%3E&eurl=https://i.ytimg.com/vi/u8FZyOsdm8k/maxresdefault.jpg">???</a></li>
<li><a href="https://www.blogger.com/blog-this.g?n=%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%B2&source=youtube&b=%3Ciframe+width%3D%22480%22+height%3D%22270%22+src%3D%22https://www.youtube.com/embed/u8FZyOsdm8k%22+frameborder%3D%220%22+allow%3D%22autoplay;+encrypted-media%22+allowfullscreen%3E%3C/iframe%3E&eurl=https://i.ytimg.com/vi/u8FZyOsdm8k/maxresdefault.jpg">???</a></li>
<li><a href="https://www.blogger.com/blog-this.g?n=%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%B2&source=youtube&b=%3Ciframe+width%3D%22480%22+height%3D%22270%22+src%3D%22https://www.youtube.com/embed/u8FZyOsdm8k%22+frameborder%3D%220%22+allow%3D%22autoplay;+encrypted-media%22+allowfullscreen%3E%3C/iframe%3E&eurl=https://i.ytimg.com/vi/u8FZyOsdm8k/maxresdefault.jpg">???</a></li>
</span></ul><span id="fullpost"><br />
<br />
</span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-85855218544945524962010-02-26T16:16:00.006+07:002010-02-26T17:18:28.800+07:00วันนี้แล้วสินะ<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://photos1.hi5.com/0047/827/280/l5P3F5827280-02.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 415px; height: 298px;" src="http://photos1.hi5.com/0047/827/280/l5P3F5827280-02.jpg" alt="" border="0" /></a><br /><br />วันศุกร์อีกแล้วครับ ศุกร์ที่แล้วผมนั่งวางแผนการเดินทาง ว่าจะเอาไงดีจะกลับทางไหน รถ เรือ BTS MRT Taxi หรือ.อ...อ เพราะเชื่อแน่ว่าการจราจรติดขัดแน่ๆ และแล้วก็มาถึงศุกร์นี้วี่แววเรื่องรถติดหายไปหมดแล้วแต่ใจผมเอง<br /><span id="fullpost"><br />ก็ยังนึกหวั่นอยู่ไม่ใช่น้อยว่าจะเกิดอะไรช่วงหยุดยาว หรือเปล่า แต่คิดอีกทีก็คงไม่มีอะไรมากแล้วล่ะมั้ง เนอะ<br />ถึงตอนนั่งเขียนอยู่นี่ ก็ยังติดตามข่าวอยู่ครับ ว่าจะออกมาเป็นยังไงบ้าง อ่ะ...ไม่เขียนต่อล่ะเรื่องนี้ ข้ามๆเลยละกัน<br /><br />ภาพด้านบนถ่ายนานแล้วครับ ตั้งแต่ตอนยังไม่มีเรื่องสีเข้ามาในวงสนทนา ตอนเห็นแล้วชอบจัง ถึงแม้ตอนเก็บจะยากเย็น และเอามาแล้วต้องทำเยอะไปหน่อย แต่คิดว่าถ้าเทียบแล้วถือว่าคุ้ม ภาพนี้ถ่ายที่ISO สูงมาก เพราะแสงน้อย และถ่ายขณะรถวิ่งอยู่เลยต้องหยุดให้ได้ speed shutter เลยต้องสูงดังว่า เก็บบนรถมินิบัสเขียว คนแน่นมากๆ เจ้าของแขนก็ดูหวั่นๆผม เพราะผมเล่นจ้องอยู่นาน<br /><br />ถ้าภาพนี้จะสื่ออะไร ก็อยากให้สื่อเหมือนเป็นไปในแนวคำถามและคำตอบในตัวเดียวกัน คำถามที่ให้เกี่ยวกับความรักหน่อยหนึ่ง ว่าถ้าคุณจะรักใครซักคนเพิ่มเติมจากคนใกล้ชิดแล้ว คุณรักใคร?? เก็บไว้ตอบตัวเองนะครับ เชื่อเถอะว่าผลของคำตอบโน่นแหล่ะ ที่อยากเห็น<br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com6tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-62747773648474141772010-02-25T17:50:00.004+07:002010-02-25T18:28:03.601+07:00ความรู้ใหม่จากคนปวดเข่า<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhGe3aZ3aw880Bj3_oLzQNgne_8nzhEKKtt7G6X6WKnKnMlSsRwqltN0nT8e6KX1X-hVfABDARrmJrIMOg8MF8YEN6tOrN1fK49yFnltvNP3Bd4zchYj3NDbzzifYn0WzbROZsSexyTNMQ/"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 350px; height: 525px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhGe3aZ3aw880Bj3_oLzQNgne_8nzhEKKtt7G6X6WKnKnMlSsRwqltN0nT8e6KX1X-hVfABDARrmJrIMOg8MF8YEN6tOrN1fK49yFnltvNP3Bd4zchYj3NDbzzifYn0WzbROZsSexyTNMQ/" border="0" alt="" /></a><br /><br /><br />โอยยย..ปวดเข่าครับ อาการที่เคยกำเริบ เมื่อเดือนที่แล้วหลังจากไปพบแพทย์ บอกเล่าสาระ ดิบๆ ให้มราบก่อนได้วิธีบำบัดเข่าสุดเจ๋ง เจ๋งที่ว่าทั้งวิธีการ และจำนวนต่อวัน คุณหมอผู้ใจดี สั่งผมมาว่า ช่วงนี้ให้ระวังตัว อย่าออกไปไหนที่ต้องเดินไกลๆ และต้องบำบัดให้ได้วันลพ 100 ครั้ง วิธีการน่ะหรือครับ<br /><span id="fullpost"><br />ก็ให้นั่งแล้วเหยียดเท้าตรง ยกขาขึ้นทั้งที่เหยียดตรงอย่างนั้น แล้วค้างไว้ ราวๆ 1 นาที ทำ 100 ครั้ง โอ้เจ๋งๆ ก็ทำบ้างผ่อนบ้าง อาการปวดเข้าของผมคือสะบ้าอักเสบ เหตุเพราะกล้ามเนื้อที่ยึดระหว่างสะบ้า ติดกับข้อเข่าไม่แข็งแรง การทำกายภาพท่านี้เลยเป็นการช่วยให้กล้ามเนื้อที่ว่าแย็งแรง โป๊กๆ<br /><br />แล้วผมก็เลยถามหมอเรื่องผ้าที่เราใช้รัดเข่าเวลาออกทริป ตามมานานคงงงล่ะสิครับว่าเกี่ยวอะไรตรงไหนกัน ก็เนี่ยๆ กำลังจะสอดเรื่องเข้าไปล่ะ รับรองเกี่ยวด้วยกันหมด เลย รวมทั้งภาพบนด้วยครับ <br /><br />อ่ะต่อ.. ที่ถามหมอ ก็เพราะว่าทริปล่าสุดที่ไปมาคือแก่งกระจาน ตอนเดินเก็บภาพก็ใช้ผ้ารัดเข่าไปด้วย ใส่แล้วรู้สึกเข้ากระชับ เดินได้ไกลไม่รู้สึกเจ็บ หลังจากถามไปได้คำตอบมาว่า ผ้ารัดเข่าจะให้ดีต้องเป็นแบบที่เจาะเนื้อผ้าเป็นวงตรงลูกสะบ้าที่เข่าเรา เพื่อช่วยประคองลูกสะบ้าให้เข้าที่เวลาเดิน ป้องกันอาการสะบ้าสึก <br /><br />แล้วถ้าใช้แบบเนื้อผ้าทึบล้วนเลยล่ะจะเป็นยังไง หมอใจดีบอกว่า ปกติโดยทั่วไปของคนเวลาเดินหรือเคลื่อนไหว สะบ้าจะมีการถูกับชิ้นกระดูกทำให้เกิดการสึกของลูกสะบ้าอยู่ตลอด แต่จะเป็นแรงระับปกติทำให้สึกแค่กระดูดอ่อนที่เคลือบสะบ้าเท่านั้น สามารถงอกเสริมได้เอง แต่ถ้าเราสวมผ้ารัดเข่าที่ทึบ ก็เท่ากับเป็นการกดลูกสะบ้าลงไป เวลาเคลื่อนไหวก็จะสึกมากกว่า ง่ะ.. แล้วเราทำอะไรลงไปเนี่ยเมื่อทริปที่แล้ว<br /><br /><br />ภาพบนผมเก็บระหว่างระทะเลหมอกที่จุดชมบนแคมป์พะเนินทุ่ง ใจล่ะอยากจะเปลี่ยนอาทิตย์เป็นพระจันทร์มากกว่า คงเวงกว่าเยอะ แต่ก็ติดรถมาด้วย ก็น่ะล่ะ ที่จอดก็มีเยอะแยะ ดันมาจอดตรงนี้ซะงั้น และก็แปลกมือก็ถือกล้องไป ใจก็กะไปถ่ายภาพทะเลหมอก ภาพที่ได้มา เป็นมุมตรงข้ามซะได้<br /><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-81698453904447177012010-02-19T19:41:00.004+07:002010-02-19T20:02:08.819+07:00วันนี้ดีนะครับ<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://photos4.hi5.com/0040/438/823/BaUg6d438823-02.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 417px; height: 322px;" src="http://photos4.hi5.com/0040/438/823/BaUg6d438823-02.jpg" alt="" border="0" /></a><br /><br />อย่างที่บอกวันนี้วันดีมากๆ เลยครับตอนนี้นั่งอยู่ห้องทำงาน ฟังข่าวไปด้วย เค้าบอกว่าแถวถนนวิทยุถนนโล่งมากๆ ยิ่งถ้าเข้าไปแถวๆ เส้นสีลมยุ่งโล่งใหญ่เลย ไม่มีรถซักคัน อย่างน้อยก็เป็นอีก หนึ่งข่าวดีสำหรับผม<br /><span id="fullpost"><br />ที่ดีก็เพราะว่าถนนโล่งมาก แต่ถ้าดูต่อก็เพราะเค้าปิดถนน เนื่องจากมีการชุมนุม -_-' ก็มิน่าล่ะถนนถึงโล่ง ปิดถนนเพราะมีการชุมนุมนี่เอง วันนี้ทั้งวันก็ตามข่าวอยู่นะครับว่า บริษัทที่อยู่เส้นสีสมทยอยปิดให้พักงานกลับบ้านกันตั้งแต่บ่าย เห็นมั้ยครับข่าวดีอีกแล้ว อย่างน้อยบางคนก็ได้หยุดกลับบ้านไว้ในวันศุกร์สุดสัปดาห์ ส่วนเลิกงานจะกลับบ้านเลย หรือจะเปลี่ยนชุดเป็นสีเดียวก็ว่าไปอย่าง เรามองถึงแค่ได้เลิกงานเร็ว ก็เหมือนรื่องถนนโล่งน่ะล่ะ ที่เอาเรื่องนี้มาเล่าก็เพราะว่า เรื่องมันออกมากลับกัน คนนึงกำลังคิดว่าตัวเองกำลังแก่ลงไปอีกปีนึงและกำลังสานฝันของตน แต่อีกกลุ่มคนนึงกำลังพยายามทำให้ได้ในสิ่งที่ตนหวังและต้องการ มันคล้ายนะ แต่ดูเหมือนคนละทางที่เกี่ยวเนื่องกัน<br /><br />ภาพบนคงพอสะท้อนได้ อยากบอกว่าตอนเลิกงาน แล้วนั่งรอสัญญาณไฟเพื่อให้เขียว รถจะได้ไหลไปได้ต่อ(หน่อยนึง) เป็นอะไรที่ทุกคนทรมาน คำว่ากลับบ้าน ใจน่ะไปถึงตั้งแต่เดินออกจากบริษัทแล้ว แต่ตัวสิ ยังแหง็กอยู่บนถนนอยู่เลย<br />ภาพนี้ผมต้องใช้ ISO ที่สูงพอดู และก็โฟกัสแบบ manual เนื่องจากแสงน้อยระบบ auto focus เลยทำงานไม่ได้ซะงั้น แล้วก็ต้องเงียบ เพราะเดี๋ยวจะไปตัดช่วงความคิดของเธอคนนี้เข้า<br /><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com5tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-80069242371468757532010-02-16T11:14:00.000+07:002010-02-16T11:14:00.397+07:00dslrชิวๆ รอบสวน<img style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 407px; DISPLAY: block; HEIGHT: 260px; CURSOR: hand" border="0" alt="" src="http://kasetdd.files.wordpress.com/2010/02/kasetdd-chily-huny.jpg" /><br /><br />หยุดงานครับ ไม่มีที่ไป อยู่บ้านดีกว่า งั้นทำอะไรดียามว่าง ทำสวนเลยละกันงานอดิเรก ระหว่างรดน้ำพรวนดินปกติ ก็หยิบกล้องออกมาด้วย เผื่อมีอะไรจะได้เก็บๆ แล้วเอามาลงให้รกเล่น จะว่าไปนะครับ การพัฒนาตนเองในด้านการถ่ายภาพ นอกจากจะต้องวิ่งหาสิ่งสวยๆ สถานที่สวยๆแล้ว<br /><span id="fullpost"><br />ลองเอางี้ดีกว่ามั้ย Back to basic ลองนั่งลงแล้วมองสิ่งรอบข้าง ใช้เวลากับมัน จะช่วยให้เรามองสิ่งต่างๆได้ละเอียดขึ้น เพราะการถ่ายภาพที่ดี หากเทียบกันระหว่างอุปรกรณ์กับมุมมอง ก็มักจะได้ข้อสรุปว่ามุมมองจะเป็นใหญ่ และสำคัญเสมอ แล้วมุมมองสร้างได้จากทุกที่ และก็จะได้ภาพที่แตกต่างไป<br /><br />ภาพบน จะว่าถ่ายภาพนี้ยากก็ไม่เท่าไหร่ครับ จะว่าง่ายไป ก็ไม่เชิง ผมอยากถ่ายพริกเอาไว้อวดเพื่อนในเวปเกษตร แต่ถ้าเก็บแต่พริก ก็จะดูกร่อยๆ เลยเก็บ แมลงที่ตอมมาด้วย แต่ก็แทบจะไม่ได้ใช้นะครับ เพราะติดเรื่องขนาด เจ้าแมลงตัวเล็กมาก บวกกับความสามารถของกล้องแล้ว จึงเป็นไปได้ยากที่จะเก็บภาพแมลงได้<br /><br />อีกเรื่อง ความไวชัตเตอร์ หรือ speed shutter ซึ่งสัมพันธ์กับ สภาพแสง ภาพนี้แสงน้อย ครับ เลยได้ speed shutter ที่ช้า แต่หากจะหยุดแมลงขณะบินให้ยังคงชัด ก็ต้องใช้ speed shutter ที่สูงพอ ผมเลยต้องดัน iso ขึ้น ภาพนี้ใช้ iso 800 โชคดีที่เป็นภาพที่ถ่ายวัตถุระยะใกล้ครับ เลยมี Noise ที่เกิดจากการใช้ ISO สูงมากวนน้อย<br /><br /><br />อีกเรื่องครับที่จะฝากสำหรับการถ่ายภาพในโลกดิจิตอลก็คือ ขอบเขตภาพ<br /><img style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 343px; DISPLAY: block; HEIGHT: 458px; CURSOR: hand" border="0" alt="" src="http://kasetdd.files.wordpress.com/2010/02/kasetdd-hunt2.jpg" /><a href="http://kasetdd.files.wordpress.com/2010/02/kasetdd-chily-huny.jpg"></a><br /><br />ด้วยข้อจำกัดของอุปกรณ์ที่เรามี แต่ความต้องการของเรามักไส้ขีดจำกัด การถ่ายภาพให้ได้ไฟล์ภาพใหญ่ๆ จึงจำเป็น แล้วเอามาทำต่อในคอมพิวเตอร์กับขั้นตอนที่เรียกกันว่าครอป crop เพื่อตัดส่วนที่ไม่ต้องการออก เหลือไว้เฉพาะจึดที่ต้องการจะเน้น<br /><br />ภาพแมงมุม ผมเก็บมากว้างกว่านี้มาก แต่ด้วยต้องการเน้นแค่นั้นครับ ก็เลยจัดการครอป ส่วนที่ดูกว้างๆ ออกไป จริงอยู่ครับ การครอปเป็นการตัดภาพ ทำให้ได้ภาพที่เล็กลง เพราะงั้นเองครับ เลยให้ถ่ายภาพให้ไดเฟล์ที่ใหญ่ หรือด้วยความละเอียดสูง เพื่อเวลาครอป ก็จะได้ไฟล์ที่มีขนาดเล็กลงมา อาจไม่พอกับภาพใหญ่ แต่พอสำหรับใช้งานตามเวป หรือภาพขนาดเล็ก <br /><br />พอนึกภาพออกหรือยังเอ่ย งั้นผมของตัวไปดูพริกก่อนนะครับ วันก่อนมีเพลี้ยลง แต่ปราบไปรอบนึงแล้ว จะตามดูว่าผลเป็นไงบ้าง ^_^<br /><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com5tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-51527676228328306242010-02-08T14:17:00.003+07:002010-02-08T14:57:42.852+07:00ถ่ายภาพเพื่อใช้ ครบ แต่อาจไม่สวยเสมอไป<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhbzIR0h-Wx8YSEtS44AnrtqA7xE6_2vJ3wTXUUV3RdQr_XOpBapneV-MuN0URFGifnUaiuUJHjDM769PMIJYH2hfyEBFcs9Uycqc9wTABHtisWz2NjMprT2Xw_NlF4YAhGxzdXVOEPg30/s1600-h/photohow2-croco.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 219px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhbzIR0h-Wx8YSEtS44AnrtqA7xE6_2vJ3wTXUUV3RdQr_XOpBapneV-MuN0URFGifnUaiuUJHjDM769PMIJYH2hfyEBFcs9Uycqc9wTABHtisWz2NjMprT2Xw_NlF4YAhGxzdXVOEPg30/s320/photohow2-croco.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5435777264799134882" /></a><br /><br />สวัสดีครับ ห่างหายไปนานเลย ที่ไม่ได้แวะเวียนมาเขียน กลับมาวันนี้เลยเอาแนวคิดเรื่องการถ่ายภาพเพื่อส่งขายใน Photostock มาฝากกันครับ แต่ก่อนอื่นขอย้อนไปอธิบายก่อนว่า Photostock นั้นคืออะไร คำๆนี้ถ้าให้เอาตามความเข้าใจง่ายๆครับก็คือ เวปหรือร้านที่ให้บริการ<br /><span id="fullpost"><br />เช่าลิขสิทธิ์ภาพจากฝีมือเราไปใช้นั่นเองครับ ใช้ในงานไหนบ้าง ก็เช่น ข่าว โฆษณา แผ่นพับ ที่เค้าเอาภาพของเราแปะกัน ที่เห็นบางภาพเช่ามานะครับ แบบว่าให้คนอื่นเอาภาพไปใช้ได้ เผยแพร่ได้ โดยจ่ายค่าเช่าให้เรา และเค้าจะติดต่อผ่านร้าน หรือบริษัท หรือเวปที่เป็น Photostock<br /><br />ก็คงพอให้เห็นภาพคร่าวๆนะครับ แต่สิ่งที่ผมจะเอามาเขียนก็เพราะมันจะผูกไปถึงว่า ภาพที่ได้ออกมาส่วนใหญ่เป็นภาพที่ไม่ได้อยู่ในกฎการจัดองค์ประกอบอย่างที่ผมพยายามเอาวิธีต่างๆมาฝาก ไม่ว่าจะเป็น กฎ 3 ส่วน หรือจุดตัด 9 ช่ิอง เพราะจากการดูแนวของลูกค้าที่ส่วนใหญ่จะต้องการภาพแนวนี้จะไม่ใช่ผู้ใช้ธรรมดาครับ ส่วนใหญ่จะเป็นพวก กราฟฟิคดีซายด์จากบริษํทโฆษณา ที่เอาภาพไปแต่งต่อเพื่อใช้ในงานองเค้าซะมากกว่า<br /><br />เพราะงี้เอง ภาพที่ออกมาจึงไม่ต้องการอะไรมาก ขอแค่ชัด และตรงตามที่เค้าต้องการก้จบ เท่านี้ก็เช่าหรือซื้อขายกันได้แล้ว เห็นมั้ยครับว่าภาพที่ถูกต้องสมบูรณ์นั้น บางครั้งไม่ได้ตัดสินโดยเรา</span><div><span id="fullpost"><br /></span></div><div><span id="fullpost">ภาพบน จะเห็นว่าไม่ได้ถ่ายอะไรยากเลยครับ เจอก็กดชัตเตอร์เลย ดูๆแล้วเหมือนจะ under ด้วย แต่ส่วนตัวคิดว่าเป็นภาพที่แปลก เป็นอีกมุมหนึ่งของจระเข้ ที่สามารถตีความหมายหรือเอาไปสื่อได้หลายความหมายครับทำให้ภาพนี้มีผู้เช่าไปใช้<br /><br /><br /><br /></span></div><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-53244573338636717652010-01-31T13:59:00.000+07:002010-01-31T13:59:00.382+07:00ลืมไปหรือเปล่า กล้องสิ่งที่จะถ่าย<div style="text-align: center;"><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj94-MMwpGGDcUmmEDDGxJbsQ71O0w79b3oxiwj6sfBMvlsMHUboB_QXrKO7eQI61pxcS_oyV8nvhLw5RXUG-gXgqQHrFpcrLklxWCwB00Og9ULxsS4hdk83-xx6He2lAbIA03MMDS8ivU/s1600-h/IMG_0881.jpg"><img style="cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 214px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj94-MMwpGGDcUmmEDDGxJbsQ71O0w79b3oxiwj6sfBMvlsMHUboB_QXrKO7eQI61pxcS_oyV8nvhLw5RXUG-gXgqQHrFpcrLklxWCwB00Og9ULxsS4hdk83-xx6He2lAbIA03MMDS8ivU/s320/IMG_0881.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5431700884424017618" /></a></div><br />เอาเรื่องนี้มาให้ปวดหัวเล่นครับ ระหว่างความสามารถของเลยส์ กับสิ่งที่เราจะถ่าย หรือถ้าเทียบกันเล่นๆ ก็อย่างเช่น ระว่างกล้วยไม้ 1 ช่อ กับกุหลาบ 1 ดอก ถ้าเราถ่ายทั้งสองภาพออกมาเทียบกัน ในโหมดไหนดี งั้นโหมดมาโครก็ได้ครับ<br /><span id="fullpost"><br />สำหรับ compact หรือ Dslr ถ้าเอาภาพทั้งสองภาพที่ได้มาเทียบกัน จะเห็นความแต่ต่างชัดเจนด้านรายละเอียดของทั้ง 2ภาพนี้<br /><br />ซึ่งก็นี่แหล่ะที่ผมพยายามจะบอกล่ะครับ ไม่ว่าจะด้วยกล้อง compact หรือ Dslr หรือ Dslr-like ก็ตามทีหากเลือกสิ่งที่จะถ่ายตามกำลังของกล้อง ความสามารถของเลนส์นี่ล่ะครับเป็นอีกปัจจัยเลยก็ว่าได้ ที่จะทำให้ได้ภาพถ่ายที่ออกมาสวย<br /><br /><div style="text-align: center;"><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiSivRh6_k4nsCyVWkNwRaFRxwAQLC4QqQT4Y-J-D8N6BwnCEPAfFHBbO_q1FPZIvEDzA0cSsHHrD3Lf9HbGrZdJx9h5EKWkq0DM0nLkg1R7M172cfvbl9XCsEC10Zz55Rx9MpVn-tWoWs/s1600-h/IMG_1035.jpg"><img style="cursor:pointer; cursor:hand;width: 214px; height: 320px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiSivRh6_k4nsCyVWkNwRaFRxwAQLC4QqQT4Y-J-D8N6BwnCEPAfFHBbO_q1FPZIvEDzA0cSsHHrD3Lf9HbGrZdJx9h5EKWkq0DM0nLkg1R7M172cfvbl9XCsEC10Zz55Rx9MpVn-tWoWs/s320/IMG_1035.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5431701406174238482" /></a></div><br />ตัวอย่างตามภาพสองภาพนี้ครับ ภาพบนเลือกเอาแค่ดอกเดียวซูม แล้วกดชัตเตอร์เฉพาะขนาดที่สามารถทำได้ว่าครอบคลุมและใกล้พอทำให้ยังได้รายละเอียดของดอกกล้วยไม้ไว้<br /><br />ในทางกลับกัน ในภาพด้านล่าง การถ่ายภาพกล้วยไม้ทั้งช่อมาทำให้รายละเอียดของแต่ละดอกขาดหายไปครับ จนกลายเป็นช่อสีขาวๆ ดูแล้วทำให้ภาพขาดความสวยงาม แต่ถ้าผมจะแก้ลำโดยซูมเข้าไปใกล้เลือกเอาซักดอกในช่อนั้นมา อันนี้สามารถทำได้ครับ แต่จะลำบากนิดหน่อย เนื่องจากจะไม่สามารถทำได้ในเลนส์ ที่ใส่ในกล้องชุดนี้ เพราะขนาดของแต่ละดอกนั้นเล็กมากๆ จึงได้แค่ช่อๆสีขาวๆ<br /><br /><br /><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-50465824040889930582010-01-28T10:54:00.005+07:002010-01-28T11:24:30.634+07:00มองไปก็มุมภาพเดียวกันมาดูเหมือนกัน แล้วอภิสิทธิ์กว่าตรงไหน<div style="text-align: center;"><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhDEzPAlhTvKFw5Pm4Gz3yF9ZkvRqjq_7yhP2oMq_uLXmgVrKhOF3yWSE55wx368ZcNkQjdm6DVwRA_yJfs2Dk6GVafTw5NYzOlHhy5Lde65EBEFLwqVuMZquAxgkLvDkTYRtfNXQPGY20/s1600-h/IMG_3405.jpg"><img style="cursor:pointer; cursor:hand;width: 209px; height: 320px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhDEzPAlhTvKFw5Pm4Gz3yF9ZkvRqjq_7yhP2oMq_uLXmgVrKhOF3yWSE55wx368ZcNkQjdm6DVwRA_yJfs2Dk6GVafTw5NYzOlHhy5Lde65EBEFLwqVuMZquAxgkLvDkTYRtfNXQPGY20/s320/IMG_3405.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5431640504523020418" /></a></div>หลายต่อหลายครั้งที่ที่หลายคนคงเคยเป็นและเคยเจอมาครับ ถ้าเราต้องออกถ่ายภาพตามสถานที่ โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวหรือตามงาน และที่ขาดไม่ได้คือนักท่องเที่ยว ผู้คน ที่พอเราเห็นมุมสวยล่ะ จะยกกล้องขึ้นถ่ายภาพ คนก็เดินมาตัด หรือบังมุมของเราไปซะงั้น แล้วก็ได้แต่คิดในใจ นี่ล่ะคืออุปสรรคของคนถ่ายภาพ<br /><span id="fullpost"><br />หรือคิดในแง่ดีการเพิ่มคนเข้าไปในภาพก็จะได้บรรยากาศอีกแบบนะครับ มุมภาพจะได้ดูไม่เงียบเหงา หรือไม่ก็รอให้เค้าผ่านไปก่อน หรือให้เค้าถ่ายภาพเสร็จไปก่อน แล้วเราค่อยตามเก็บกันทีหลัง ใจเค้าใจเรานะครับจริงมั้ย เพราะเราก็อยากได้ภาพ เค้าเองก็ตั้งใจมาดู มาบันทึกภาพไว้เป็นที่ระรึกเหมือนกัน ผมว่าคิดแบบนี้จะทำให้ได้ภาพที่มีคุณค่ามากกว่า</span><div><span id="fullpost"><br /></span></div><div><span id="fullpost">แต่ก็หลายทีที่ผมเองก็ได้เจอคนบางประเภทที่ในมือมีกล้องถ่ายภาพ แล้วพอจะกดชัตเตอร์ถ่ายภาพแต่ละทีต้องคอยห้ามคนไว้ไม่ให้เข้ามาในเฟรม คอยตะโกนบอกคนรอบข้างให้ขยับหลบมุมกล้องของตัวเอง</span></div><div><span id="fullpost"><br /></span></div><div><span id="fullpost">งั้นขอแชร์หน่อยนะครับ ว่าก่อนท่านคิดจะทำอย่างที่ผมเล่า ผมว่าเอาเวลาไปทำการบ้านเรื่องการเตรียมตัวก่อนออกถ่ายภาพให้ดีจะเข้าท่ากว่านะครับ ศึกษาช่วงเวลา ว่าเราต้องการยังไง ต้องมาช่วงไหนคนน้อย หรือมากต่างกัน สิ่งนี้จะทำคนบันทึกภาพได้ภาพที่ตรงใจ ถ้าเราไม่ได้เตรียมตัวมาดีพอ ก็ขอให้ปรับตัวตามสถานการณ์ที่เกิดตรงหน้า และทำให้ดีที่สุด โดยไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่น</span></div><div><span id="fullpost"><br /></span></div><div><span id="fullpost">ภาพบนถ่ายวันหยุดครับ นักท่องเที่ยวเยอะมาก ทั้งไทย ทั้งเทศ เรื่องมุมยอดนิยมของวัดนี้ไม่ต้องพูดถึงครับเข้าแทบไม่ได้ เลยได้แต่หลบมุมมาอีกด้าน เก็บภาพนี้มา ก็ยังติดฝรั่งเสื้อขาวยืนเด่นอยู่ด้านข้าง ผมก็รอแล้วรอให้เค้าเดินผ่าน หลบแล้วหลบเพื่อให้พ้นเฟรม สุดท้ายก็ต้องตัดใจ กดชัตเตอร์เก็บเค้ามาด้วย(มุมล่างขวา) ใจก็คิดล่ะ เอาน่าใช้โปรแกรมช่วยหน่อยคงพอได้ ....</span></div><div><span id="fullpost"><br /><span class="Apple-style-span" style="font-family:verdana;color:#006600;"><span class="Apple-style-span" style="font-size:large;"><b><br /></b></span></span></span></div><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-31492606712519933232010-01-22T14:22:00.004+07:002010-01-22T14:44:14.371+07:00Zoom ซู้มซูม 4x 10x 12x แล้วมันเท่าไรกัน<div style="text-align: center;"><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEittCk6lS5w4KctWjO0Yqw0_FVbm86ckSfWtf5OynsCahSQIrIXPHCjeyshm4SP8m7qNSO1wA9LG_xqKeTX6bDyeqRdqYCLp3YnIvWcWL1gkRdS8jZ8F5aqnGOXY3rfRR7wuij9_XGrTQM/s1600-h/photohow2-zoom.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 246px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEittCk6lS5w4KctWjO0Yqw0_FVbm86ckSfWtf5OynsCahSQIrIXPHCjeyshm4SP8m7qNSO1wA9LG_xqKeTX6bDyeqRdqYCLp3YnIvWcWL1gkRdS8jZ8F5aqnGOXY3rfRR7wuij9_XGrTQM/s400/photohow2-zoom.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5429466668694997922" border="0" /></a><br /></div>วันนี้ปวดเข่ามากครับ เหตุจากเข่ากระแทกเมื่อปีก่อน มาคราวนี้กำเริบอีก เศร้าไปเลยล่ะ คิดเล่นๆ เกิดต้องนั่งรถเข็ญคงถ่ายภาพลำบาก งั้นก็ใช้ช่วงซูมช่วย พอเอากล้องมาดู เอ๊ะ ที่ข้างกล้องเขียนบอก 10x Zoom หรือ 12x Zoom สงสัยบ้างมั้ยครับว่ามันแปลว่าอะไร หรือหมุนๆ แล้วกดๆๆไปเลยเหมือนผม ฮาาา<br /><br /><span id="fullpost"><br />อธิบายกันง่ายๆเลยเรื่องช่วงซูม ซึ่งในกล้องของเราจะแบ่งออกเป็น 2 อย่างที่เรียกกันต่อๆมาคือ ดิจิตอลซูม กับ ออพติคัลซูม เดี๋ยวมาแวะที่เรื่องนี้ก่อน ว่า 2 ตัวนี้ต่างกันยังไง<br /><br />ออพติคัลซูม Optical Zoom เป็นด่านแรกที่กล้องจะทำให้เราเมื่อเราสั่งซูมที่ตัวกล้อง ซึ่งเป็นการซูมโดยใช้กลไก หรือใช้ชิ้นเลนส์เป็นตัวดึงภาพเข้ามาทำให้ได้ภาพที่คมชัดกว่า แต่ ดิจิตอลซูม Digital Zoom เป็นด่านสองที่จะทำงานต่อจากออพติคัลซูม โดยจะเอาภาพจากออพติคัลซูม มาใช้โปรกรมในตัวกล้องขยายต่อ ทำให้ภาพที่ได้ลดคุณภาพลงไปอย่าง แตกลาย ไม่ชัด คิดว่าคงเคยเจอนะครับ<br /><br />เพราะงี้เองผู้ผลิตเลยบอกช่วงซูมของกล้องตัวเองออกมาเป็นออพติคัลซูม โดยจะเทียบกับเลนส์ที่กล้องใช้ โดยจะบอกมากับสเปกของกล้องเลยครับ อย่างว่า lens 28 mm. Zoom 12x หมายความว่ากล้องตัวนี้ใช้เลนส์เริ่มที่ 28 มม. และมีช่วงซูมอยู่ที่ 28x12 เท่ากับ 336 มม. ดังนั้นถ้าเป็นเลนส์ในกล้อง Dslr ก็จะเท่ากับเลนส์ 28-336 มม. (เทียบแบบตรงๆตัวนะครับ) นั่นเองล่ะไม่งงแล้วนะครับ<br />แต่โอย ปวดเข่าครับ ต้องขอตัวก่อนนะครับ ขอไปอ้อนหมอก่อน<br /><br /><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-7279563735913067632010-01-18T13:00:00.000+07:002010-01-18T13:00:02.323+07:00กล้องอีกตัวของ Samsungเปิดตัวไปนานแล้วครับ แต่เผื่อยังไม่ได้เห็นความสามารถของเจ้า Dual view ผมว่าใช้ได้เลยครับ คุณสมบัติเด่นอีกด้าน<br /><object width="425" height="344"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/5jBsPoPqPvw&hl=en_US&fs=1&"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/5jBsPoPqPvw&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-55155423478051439542010-01-15T14:24:00.005+07:002010-02-25T17:43:21.063+07:00เม้นท์ๆ แล้วเม้น เขียนอะไรให้อ่านหนอ?ิblogๆๆ แล้ว blog ช่วงเย็นผมนั้งคิด เรื่องบทความที่เขียนไป ผมว่ามันเป็นความฝันของคนเขียน blog ทุกคนล่ะครับที่จะหาเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจแล้วมาเขียนๆ ให้คนเข้าเยอะๆ ตามมาดูมากๆ ตามแนวที่ผมเคยบอกเพื่อนๆหลายๆคนที่อยากเขียนบ้าง แต่ก็ต้องตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า จะเขียนอะไร แล้วจะถอดใจเพราะอะไร หยุดเมื่อไร ทำไงถ้าไม่สนุก<br /><span id="fullpost"><br />หรือ จะปลอบตัวเองยังไงถ้าเขียนออกมาแล้วคนอ่านเม้นท์กลับมา ว่าไม่รู้เรื่อง หึๆ ก็นั่นแหล่ะหนา มุมมองของทุกคนก็มีทั้งบวก และลบ ตรงตามที่เราคิด กับผิดกับที่เราคาดบ้าง ผมว่าการที่เพื่อนมาเม้นท์ให้ ทำให้รู้สึกดีนะครับ ทั้งที่เม้ท์นชม และติ เพราะถ้าหากเอาแต่ทะนงตน กรูเก่ง ก็คงน้อยคนที่จะทนตามอ่านได้ ถึงตอนนี้ก็ยังต้องบอกก่อนเลยนะครับว่าผมไม่ใช่โปร ผมแค่เป็นคนที่เอาเรื่องราวมาเขียนๆให้อ่าน ตามที่ตัวเองคิดที่รู้มาตามกำลัง ก็เท่านั้น<br /><br /></span><br /><span id="fullpost">ก็เพราะงี้ล่ะครับผมถึงไม่ลบเม้นท์ทุกๆ คำ(ยกเว้นซ้ำ) และขอบคุณทุกๆท่านที่ยอมเสียเวลาอ่านแล้วยังสละเวลามาเม้นให้แง่คิด ขอสัญญา(ชู 4 นิ้ว) เลยนะครับว่าจะขวนขวายหาสิ่งดีๆ เอามาฝากเพื่อนๆชาว Photohow2 เพื่อให้สมกับการรอ<br /><br /></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiM_xbKl83JEtGt7JBVcWCmCylwyzKs2Qv3Pdct-jNKQg60MVaifA2Ctay6cue-MbCBOxI8e59fPd2gQok900pRrhgHKILWxmDS5R6VBkWLD5rC5FOs9dITM_QmMLJmCRNGH91CxBpCMSEB/s640/girl.jpg"><img style="width: 640px; height: 480px; cursor: pointer;" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiM_xbKl83JEtGt7JBVcWCmCylwyzKs2Qv3Pdct-jNKQg60MVaifA2Ctay6cue-MbCBOxI8e59fPd2gQok900pRrhgHKILWxmDS5R6VBkWLD5rC5FOs9dITM_QmMLJmCRNGH91CxBpCMSEB/s640/girl.jpg" border="0" /></a><br />ภาพนี้ผมเก็บที่หัวลำโพง จำได้ว่าไปงานนครปฐมถ่ายดอกกล้วยไม้เมื่อปีที่แล้ว ระหว่างรอรถไฟ ก็ส่องไปเรื่อย เลยได้ภาพนี้ออกมา แบบฟลุ๊คๆ<br /><span id="fullpost">ภาพลักษณะนี้ ถ่ายโดยอาศัยแสงจากหน้าต่างส่องลงมาดดนหน้าเด็ก ช่วยให้เด่น กว่าพื้นหลัง หรือด้านข้าง แต่ก็มีส่วนที่วาบมากคือสีขาวด้านข้าง ที่จะดูกวนตา<br />การแต่งภาพ ผมลดสีลง จากนั้นปัดด้านข้างให้มืดลงไป หน้าแบบจะได้เด่นๆ<br />เรื่องการทำไฟล์ หรือProcess ภาพนี้ เดี๋ยวผมมาต่อให้ในบทความถัดไปนะครับ<br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-5801237398398649032010-01-13T09:19:00.000+07:002010-01-13T09:19:00.576+07:00รวบให้จบ โหมด P ทิ้งท้ายการเลือกใช้ก็แหงล่ะ วนมาอีกแล้วครับ บทความก่อนหยิบเรื่องโหมดการถ่ายภาพ แบบต่างๆ มา แต่ดันตกม้าตาย ขาดเรื่อง โหมดสุดท้ายเลย คือ P เป็นไปได้นะนี่ งั้นมาดูกัน โหมดนี้ไม่มีอะไรมากหรอก ที่มาของ P คือ<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjMMKiluZH_9Lr_uLyLo_ZetDO29WzK-J1O78darakBzGJgnrSn7ctRaerUn36RfzNgFZ4jSORec9Hr8M4WH22vMCTCYlbyoGamzn9ihyphenhyphenOxrKxf2BmChVUPFgxY_g1m0-3M7JP6n4oU5Wg/"><img style="cursor: pointer; width: 154px; height: 87px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjMMKiluZH_9Lr_uLyLo_ZetDO29WzK-J1O78darakBzGJgnrSn7ctRaerUn36RfzNgFZ4jSORec9Hr8M4WH22vMCTCYlbyoGamzn9ihyphenhyphenOxrKxf2BmChVUPFgxY_g1m0-3M7JP6n4oU5Wg/" alt="" border="0" /></a><br /><span id="fullpost">Programs งั้นพอจะเดาการทำงานออกแล้วล่ะสิ ว่าเจ้า P ก็คือ โหมดที่ตัวกล้องทำการทำหนดค่าต่างๆให้เรา ทั้ง Fstop ทั้ง Speed shutter โดยตัวเราเองคอยทำหน้าที่ปรับชดเชยแสงเท่านั้นเอง(ชดเชยแสงก็ตามภาพด้านบนล่ะ) ว่าจะเอา Under หรือ Over ก็เท่านั้น ช่วยให้หมดห่วงเรื่องนี้ไปได้ ก็นั่นหล่ะคือข้อดี ส่วนข้อเสียถ้าผู้ใช้เราๆท่านๆ ก็คงอยู่ที่ Programs ช่วยล่ะครับ ถ้าบริษัทผู้ผลิต อย่าง Canon, Sony, Panasonic ฯลฯ ทำการบ้านมาดี ก็โอครับ<br /><br />คราวนี้การเลือกใช้งานล่ะว่าะจะโหมดไหนดี แนะนำอย่างนี้ครับ มองว่าดีทุกโหมด แต่เราต้องเลือกใช้ไปเลยให้คล่องซัก 1 โหมด เพมื่อเชี่ยวชาญแล้วก็จะสามารถสั่งได้เองดังใจ ว่าต้องการแบบนี้ต้องตั้งยังไง แล้วค่อยลองโหมดอื่นๆ ไป จะได้ช่วยอำนวยความสะดวกและเลือกหยิบข้อดีของแต่ละโหมด เอามาใช้เวลาถ่ายภาพจริงครับ<br /><br /><span style="font-family:verdana;"><span style="color: rgb(0, 102, 0);"><b><span style="font-size:130%;">บทความที่เกี่ยวข้อง</span></b><br /></span></span><ul><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/1.html">เก็บกันซะที โหมดต่างๆ และการใช้งาน 1</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/av-2.html">โหมดของการถ่ายภาพ A หรือ Av 2</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/tv-s-3.html">โหมดของการถ่ายภาพ Tv หรือ S 3</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/blog-post_09.html">มือก็นิ่ง โฟกัสได้แล้ว ทำไมภาพยังเบลอๆ ไหวๆ</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/11/blog-post.html">ซอกหลืบสยองของโลกดิจิตอล</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/stop-action.html">stop action เค้าค้างกันอย่างไร</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/1_9129.html">วัดแสง 1 แบบเฉลี่ยทั้งภาพ</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/2.html">วัดแสง 2 แบบเฉลี่ยหนักกลางและเฉพาะจุด</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/speed-shutter-iso.html">Speed Shutter และ ISO</a></li><br /></ul><br /><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-35734889435840674292010-01-10T22:14:00.001+07:002010-01-11T09:10:19.501+07:00จัดเก็บไฟล์ภาพให้จบ แต่ดูเหมือนไม่จบ ภาคจบแล้ว<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAjwhS_yKHHgvOr4WbsbkjhKnKIyxwSBUAGrmyKl4AOoECVQIqf5FP1YmR2RG9rAQWJuuwFSpfwdy4NmNd6VkMBSsAOUOgcjcDyz3AOwaaKnH1SiWv1VN8iK1a9cLlfcTPc7pLTGRPtgU/s1600-h/thumb.jpg"><img style="margin: 0pt 10px 10px 0pt; float: left; cursor: pointer; width: 135px; height: 72px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAjwhS_yKHHgvOr4WbsbkjhKnKIyxwSBUAGrmyKl4AOoECVQIqf5FP1YmR2RG9rAQWJuuwFSpfwdy4NmNd6VkMBSsAOUOgcjcDyz3AOwaaKnH1SiWv1VN8iK1a9cLlfcTPc7pLTGRPtgU/s400/thumb.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5423535939985959234" border="0" /></a><br />บทความก่อน หน้า ติดค้่างกันไว้เรื่อง ตัวเก็บข้อมูลตัวสุดท้าย อย่างที่ผมโม้ไว้เลยครับว่า ตัวนี้มาแรงเหมือนกัน แถวความจุก็พัฒนาให้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังน้อยกว่า External drive แต่ถ้าถามถึงเรื่องความสะดวก ในการพกพา ความทนทานแล้ว ผมว่าเจ้าตัวนี้ดูเหมือนจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ External drive<br /><span id="fullpost"><br />คงเฉลยให้เห็นกันตามภาพแล้ว ว่าที่แท้ก็คือ Thumb drive หรือ Flash drive ตัวเล็กเท่านิ้วตามชื่อ แต่มีการพัฒนาความจุเพิ่มไปไวเอาการ ด้านในประกอบด้วย chip ขนาดเล็ก และใช้กระแสไฟส่งเข้าไปภายใน chip เพื่อเขียนข้อมูลและด้วยการเชื่ิอมต่อที่พัฒนามาตามกัน ที่เรียกว่า USB 2.0 Hi-speed แล้วมันรับส่งข้อมูลเร็วขนาดไหน ตอนนี้อยู่ที่ 480 Mbits/s เทียบกับอะไรดีนะ งั้นออกตัวก่อนผมว่าคงมีประสบการณ์กันทุกคนแล้ว อย่าง copy ไฟล์เพลง หรือไฟล์หนัง<br /><br />ที่ผมจะบอกคือ เรื่องขนาด และความสะดวก เมื่อเทียบกับ 2 แบบที่ผมเคยพูดถึง อย่าง ไม่กลัวฝุ่น ไม่กลัวรอยขีดข่วน เหมือน CD หรือ DVD แถมเก็บได้ทุกที ไม่กลัวการกระแทกจนหัวอ่านเคลื่อนอย่าง External Drive<br /><br />จะกลัวก็คงเรื่องกายภาพที่รุนแรง อย่าง แตก หัก โดนเผา ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการดูแลของของทุกคน(คงไม่มีใครปล่อยขนาดนั้น)<br /><br />และเพราะว่า Thumb drive ทำงานอ่าน เขียน ลบ ด้วยกระแสไฟ สิ่งที่กลัวคือไฟตก ไฟเกิน ขณะต่อใช้งาน หรือไฟฟ้าสถิตย์ที่เกิดจากมือเรา(เกิดน้อยในไทย)<br /><br />ด้วยการออกแบบ และความจุ มองว่าอีกไม่นาน External drive อาจถูกลืม แล้วจะมี Drive ที่เป็น chip แต่ถ้าจะเลือกใช้ Thumb drive ในการจัดเก็บไฟล์แล้ว มองด้านความจุ กับราคา ผมว่ายังแพงอยู่ครับ ยิ่งถ้าไปเทียบกับ Storage Device อย่าง Nas ที่เคยพูดไว้แล้ว ยิ่งไม่คุ้มใหญ่<br /><br /><br />ทิ้งท้าย บทสรุปของการเลือกใช้ ที่สุดท้ายผมก้ทิ้งการตัดสินใจให้ผู้อ่านอีกตามเคย งั้นก็จะบอกตามที่ผมเห็นว่าควรนะครับ<br /><br />ถ้างบไม่มาก ผมแนะนำแบบไม่ใช้ไฟ คือ เขียนลงแผ่น DVD ไปครับ เลือกแผ่นที่ไว้ใจได้ เขียนที่ความละเอียดต่ำหน่อย และใส่ใจการจัดเก็บบ้างเล็กน้อย หากล่อง ซอง ใส่ให้ดี เก็บที่อุณภูมิห้อง ผมว่าก็อยู่ได้นานหลายปีครับ<br /><br />ส่วน ถ้าอยากตัดปัญหา ผมแนะนำให้ซื้อเป็น Nas หรือที่บอกว่าเป็น server ขนาดย่อมไปเลย จะใช้ก็เสียบปลั๊กเปิดเครื่อง เลือกใช้ก็ถอดปลั๊กเก็บ ถึงจะใช้ฮาร์ดดิสก์ก็จริง แต่ตัวมันมีระบบสำรองข้อมูลในตัวมาให้เสร็จ อย่างน้อยก็คุ้มที่จะจ่าย เพราะคิดอีกทีเราไม่ได้หิ้วไปไหนมาไหนครับ<br /><br />ส่วนท่านที่ใช้ External Drive ผมล่ะห่วงแทนเรื่องถือไปมา เอาเป็นว่าแนะนำกันเท่านี้ก่อนครับ ที่เหลือก็เลือกใช้ได้เลยครับ จบเรื่องนี้แล้วเราจะได้เอาเวลาไปใส่ใจกับเรื่องการถ่ายภาพให้สวยๆ ดีกว่า<br /><br /><br /><span style="font-family:verdana;"><span style="color:#006600;"><b><span style="font-size:130%;">บทความที่เกี่ยวข้อง</span></b><br /></span></span><ul><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2010/01/blog-post.html">จัดเก็บไฟล์ให้จบ แต่ดูเหมือนไม่จบที่อะไรง่ายๆ</a></li><br /><br /></ul><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-40148846345684108362010-01-07T16:23:00.003+07:002010-01-11T09:08:04.352+07:00จัดเก็บไฟล์ภาพให้จบ แต่ดูเหมือนไม่จบที่อะไรง่ายๆเหตุด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ คู่ทุกข์คู่ยากที่บ้าน แจ้งเตือนผมว่าพื้นที่จัดเก็บเหลือน้อยแล้ว จนไม่พอที่จน รันโปรแกรมได้ ว่างั้น ด้วยที่ว่าในนั้นเต็มไปด้วยไฟล์รูปภาพล้วนๆ เพราะนิสัยที่คิดว่าคนคล้ายๆกันคือ ออกทริป ถ่ายๆภาพ ออกมาเสร็จ ก็โหลด รูปภาพ เข้าเครื่องเก็บ แล้ว เก็บ จนเต็ม ทางเลือกที่เป็นไปได้คือ การมองหาที่จัดเก็บ<br /><span id="fullpost"><br />อื่น ที่เป็นไปได้ เพื่อโกยเอาไฟล์รูปภาพเก่าไปเก็บ เหลือไว้แต่ไฟล์ใหม่ หรือที่ต้องใช้ประจำไว้ในเครื่องคอม ซึ่งก็จะต้องทำซ้ำๆอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ครับ แล้วคราวนี้จะเลือกการจัดเก็บแบบไหนดีล่ะครับ ก็ในเมื่อเทคโนโลยี การจัดเก็บทุกวันนี้มีการพัฒนาไปไกลมาก เรียกได้ว่าก้าวกระโดด เลยก็ว่าได้<br /><br />งั้นไม่เป็นไรครับ ก่อนเลือกว่าจะใช้การจัดเก็บแบบไหน ผมขอสรุปการจัดเก็บในแต่ละแบบ มาให้ดูก่อนเลย<br />โดยได้แยก ออกเป็น 2 พวกใหญ่ๆ คือ พวกใช้ไฟ กับพวกไม่ใช้ไฟ ในการที่จะอ่านข้อมูลขึ้นมา<br /></span><br /><br /><span id="fullpost"><span style="font-weight: bold;">แบบไม่ใช้ไฟก่อนเลย เพราะดูๆ แล้วมีไม่กี่อย่าง</span><br />อย่างแรก คือ ดิสก์ ไม่พูดถึงแผ่น A: 3.5 นิ้วซึ่งเลิกใช้จนจะสนิทมาหลายปี งั้นมองไปที่ ซีดี DVD ซึ่ง 2 อย่างนี้ ต่างกันแค่เรื่องความจุ ถ้า ซีดีก็ 750 Mb สูงสุด เรียกว่าถ้าเขียนลงซีดี ต่อ</span><span id="fullpost">ทริปผมคงใช้ราวๆ 2-3 แผ่น หรือ DVD ก็ความจุ 4.7 Gb - 8.3 Gb อืม ได้มาเยอะหน่อย<br /><br /></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjYlBG8sbXzWFAQ6VHPysxwYlFLRT-JRJ44BBwJOxAw5Z8TOBUuhYF3bmeIiZk59E3FMg0t3fBN_FVS0Ami7a2_aNphEe8SjG69lJHZXFLeIyAcITWA_xnd9zW9cpNiAasBk_H7g7-RZ6Q/s1600-h/cd-.gif"><img style="margin: 0pt 10px 10px 0pt; float: left; cursor: pointer; width: 90px; height: 84px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjYlBG8sbXzWFAQ6VHPysxwYlFLRT-JRJ44BBwJOxAw5Z8TOBUuhYF3bmeIiZk59E3FMg0t3fBN_FVS0Ami7a2_aNphEe8SjG69lJHZXFLeIyAcITWA_xnd9zW9cpNiAasBk_H7g7-RZ6Q/s400/cd-.gif" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5422714453164070738" border="0" /></a><br /><span id="fullpost">ถ้าถามเรื่องความสะดวก ผมว่าสะดวกดีครับ และก็เปิดกับคอมพิวเตอร์ได้ทุกที่ โดยอ่านผ่าน ซีดี หรือ ดีวีดี รอม ไดร์ฟ ที่ปัจจุบันมีติดอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องก็ว่าได้<br /></span><br /><span id="fullpost">ราคา ก็ถูกแสนถูก แผ่นเปล่าถ้าแพงสุดก็สิบกว่าบาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแต่ละยี่ห้อ<br /></span><br /><span id="fullpost">การจัดเก็บก็เก็บได้นาน ครับ แล้วแต่การเก็บรักษา การใช้งาน ที่พบบ่อยก็แผ่นลอก แผ่นเป็นรอย แผ่นระเบิด หรือหลอม เพราะร้อนมาก สำหรับการบันทึกในรูปแบบนี้ คิดว่ายังอยู่อีกนาน ถ้าการพัฒนาของตัวต่อไป ที่ผมจะพูดถึงไม่ก้าวกระโดด ซะก่อน<br /><br /><span style="font-weight: bold;">แบบใช้ไฟ กลุ่มนี้มีแยกย่อยออกหลายแบบครับ</span><br /><br /></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjXaXKsa1CFabAwUK1j9lT0OOwgpMy-NVGzM_KeTOuerfmn1_GZwuYNNXg5YCVYljdakozT7suiw6nAJCeuCH_0mvGeoP1FFvS1l1ADDd9JoVvPVdVj-I3VkdbYlw_Ic9X5rXjczOXNof0/s1600-h/hdd.gif"><img style="margin: 0pt 10px 10px 0pt; float: left; cursor: pointer; width: 189px; height: 130px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjXaXKsa1CFabAwUK1j9lT0OOwgpMy-NVGzM_KeTOuerfmn1_GZwuYNNXg5YCVYljdakozT7suiw6nAJCeuCH_0mvGeoP1FFvS1l1ADDd9JoVvPVdVj-I3VkdbYlw_Ic9X5rXjczOXNof0/s400/hdd.gif" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5422715005858639474" border="0" /></a><span id="fullpost">ที่เก่าแก่ที่สุดเห็นจะเป็น ตัวเก็บข้อมูลที่ชื่อว่า ฮาร์ดดิสก์ จากตัวหนักเป็นกิโล ความจุน้อยๆ ตอนทำงานเสียงดังๆ มาจนถึง ตัวเล็กกว่า<br />ฝ่ามือ น้ำหนักเบาวิ๋ว เสียงเงียบกริบ ความจุระดับโดนใจ เชื่อเถอะครับว่าการพัฒนาเหล่านี้กินเวลาแค่ไม่เกิน 15 ปี<br /></span><br /><span id="fullpost">ความสะดวกก็แยกตามการใช้งานครับ ถ้าติดเข้าภายในคอม ก็จะยุ่งยากหน่อยต้องพึ่งช่าง แต่ถ้าเอามาใส่กล่อง แล้วเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์ ผ่านช่องทางสุดฮิต(ในตอนนี้)อย่าง USB ที่เราเรียกว่า External Drive ก็จะสะดวกมากครับ ตัวเล็กน้ำหนักเบา แถมไปได้ทุกที่<br /><br />ราคา ก็พอลุ้นครับพันกว่าบาท สองพันกว่าเอง จุได้ เป็นร้อยกิ๊ก คูณหารดูแล้วคงทราบผล เพราะถือว่ามาแรงเลยในตอนนี้ครับ<br /><br />การจัดเก็บ กรณี External drive ผมว่าคิดกันเองว่าง่าย สะดวกหรือเปล่าไม่ทราบได้ อยากจะบอกว่าอย่าลืมว่าข้างในกล้องนั้นคือ ฮาร์ดดิสก์ ที่คุ้นเคยกับเรามาตั้งแต่รุ่นก่อน กับอาการ Bad sector โดนกระแทกแล้วมีเสียงอ่านแครกๆ<br /></span><br /><span id="fullpost">เนื่องจากกลุ่มนี้ที่พัฒนามากคือเรื่องความจุ เรื่องความเร็วในการอ่านไม่ขอพูดถึงนะครับ มันเป็นสิ่งที่ต้องทำต้องขยายท่อในการรับส่งให้ขนานไปกับความจุ งั้นพูดถึงเรื่องวิธีการเขียนข้อมูลนะครับ ข้างในก็ยังอาศัยสัญญาณแม่เหล็ก เหมือนเดิมครับ พูดง่ายๆ ก็มีหัวอ่าน มีมอเตอร์หมุนจานผ่านหัวอ่านเขียนเหมือนเดิมครับ<br />อ่านจบลองเอาหูแนบ external drive ของคุณดูนะครับว่าขณะทำงาน หรือตอนเริ่มต่อสายเปิดใช้มีเสียงหมุนมั้ย<br /><br />ดังนั้นข้อควรระวังจึงต้องปฏิบัติเหมือน ฮาร์ดดิสก์ ที่ติดอยู่ในเครื่องคอมที่บ้านเหมือนเดิมครับ ไม่ว่าจะเป็น กระแทก ไฟกระชาก อุณหภูมิ ความชื้น จริงอยู่ทที่อาจจะบอกว่ามีประกันนะ 5 ปี ผมว่าดีแล้วครับที่ประกันอย่างน้อยก็ได้ของใหม่ แล้วไฟล์เราล่ะครับต้องถ่ายใหม่หรือเปล่าเอ่ย อันนี้ล่ะครับ ที่ควรเอามาประกอบในการตัดสินใจ<br /><br /></span><span id="fullpost">อีกประเภทหนึ่งที่นำเอาฮาร์ดดิสก์ หลายๆลูกมาทำเป็นโซลูชั่น เพื่อเพิ่มความมั่น</span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhhXNHctL_osY2ZYUNHiSuWSSuxd5fviANf76zuMVkBBb4gtBOycmlL3ORkzkDAbXWOBy1MAOCLo71vHF1z6ko0_DjyCNNqXGMDPss2s2hWiWuJxUeKdJ7go2PUmPCTn4joa09NvRXf_YA/s1600-h/storage.jpg"><img style="margin: 0pt 10px 10px 0pt; float: left; cursor: pointer; width: 155px; height: 173px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhhXNHctL_osY2ZYUNHiSuWSSuxd5fviANf76zuMVkBBb4gtBOycmlL3ORkzkDAbXWOBy1MAOCLo71vHF1z6ko0_DjyCNNqXGMDPss2s2hWiWuJxUeKdJ7go2PUmPCTn4joa09NvRXf_YA/s400/storage.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5422715697964552818" border="0" /></a><span id="fullpost">ใจให้ผู้ใช้ เรียกโดยรวมว่า Storage Device แถมเดี๋ยวนี้มีเพิ่ม ระบบจัดการภายในเครื่องให้เสร็จสรรพ(NAS) ทำงานเหมือน server ไปเลย เราแค่ต่อสายเข้ากับคอม ผ่าน usb หรือ สาย LAN ก็ copy ไฟล์ โยนเข้าๆ ใช้เสร็จก็ยกเจ้าเครื่องเก็บได้เพราะตัวเล็ก (ประมาณ 6x8 นิ้ว) แต่ให้ความจุเยอะเป็น เทร่าไบต์ (ราวๆ 1000 กิ๊ก) เพราะข้างในกล่องตัวยี้ประกอบด้วยฮาร์ดดิสก์ 2-4 ลูก ตามแต่จะออกแบบ ให้ช่วยกันจัดเก็บ หรือสำรองข้อมูลซึ่งกันและกัน เพื่อป้องกันกรณีลูกใดลูกนึงเกิดหยุดการทำงาน<br /><br />ราคาของเจ้ากล่องนี้ เริ่มต้นในบ้านเรา ก็อยู่ที่ 5000-6000 กว่าๆครับ เรียกได้ว่าเป็น server ย่อมๆเลย<br /><br />เห็นมั้ยล่ะ ยาวจริงๆด้วย นี่แค่เรื่องจัดเก็บนะครับ ผมว่าเค้าลางคงพอจะเห็นบ้างแล้ว แต่หากยังฟันธงไม่ได้ว่าจะใช้การจัดเก็บแบบไหนดี ก็รออีกซักนิดครับ ผมมีอีกแบบที่จะตามมา แถมมาแรงพอๆ กันเลย แต่เป็นบทความหน้านะ วันนี้ขอตัวไปส่ง CD writer เคลมก่อน ประกัน 1 ปี นี่ก็อีกไม่กี่เดือนแล้ว ครับ<br /><br /><br /><span style="font-family:verdana;"><span style="color:#006600;"><b><span style="font-size:130%;">บทความที่เกี่ยวข้อง</span></b><br /></span></span><ul><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2010/01/blog-post_10.html">จัดเก็บไฟล์ให้จบ แต่ดูเหมือนไม่จบ ภาคจบ</a></li><br /><br /></ul><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-16542877711265367862010-01-03T21:19:00.002+07:002010-01-06T15:05:56.308+07:00ลองของ ใช้งานโปรแกรมแต่งรูปภาพ GIMPเป็นที่ทราบครับว่า Gimp โปรแกรมตัวนี้ฟรี แถมคล้าย Photoshop แต่ก็ด้วยว่าคนคงรู้จักน้อย แต่แหม ฟรีทั้งทีแถมดีอีกตะหาก ไม่เอามาทำรูปภาพให้ดู ก็น่าเสียดายนะครับ วันนี้ผมเลยคิดโจทย์ สำหรับรูปภาพที่เราโหลดจากกล้องเข้าเครื่องคอม เสร็จแล้ว เอาภาพมาแต่งนิดหน่อย<br /><span id="fullpost"><br />ก่อนส่งภาพเข้าร้านอัดรูป สำหรับโจทย์ที่ต้องทำกับภาพ คือ<br />1. ปรับความเอียง<br />2. ปรับความสว่าง<br />3. ปรับสีสัน<br />4. ปรับขนาดความละเอียดในการพิมพ์<br />5. เสร็จ save<br /><br />เริ่มก่อนเลย สำหรับโปรแกรม ผมไปหามาจากหน้า download ของ www.gimp.org โหลดมาเสร็จติดตั้ง ก็เปิดเข้าโปรแกรม แล้วเลือกเปิดไฟล์ที่ต้องการเลย<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgKr9VBN63rLmeUjDD6FRQsS5v_GLwkrUAl0iOkMfqZMQBgbkamuZ8c6qFBxeR26LvSX8mi5quvx1Qj3agKQObW8mcW4cSiSVxsTSSMTbsZ1U0si7rO8BfjOrVj3FtJM4nSpaob_WAfxdY/s1600-h/gimp1.JPG"><img style="width: 400px; height: 329px;" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5420884520629186706" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgKr9VBN63rLmeUjDD6FRQsS5v_GLwkrUAl0iOkMfqZMQBgbkamuZ8c6qFBxeR26LvSX8mi5quvx1Qj3agKQObW8mcW4cSiSVxsTSSMTbsZ1U0si7rO8BfjOrVj3FtJM4nSpaob_WAfxdY/s400/gimp1.JPG" border="0" /></a><br /><br /><br />โปรแกรมนี้เด่นอีกอย่างคือ เรื่องความอิสระของแต่ละไฟล์ที่เปิดครับ 1 หน้าโปรแกรม ก็ 1 ไฟล์ ไฟล์ภาพที่ผมนำมาประกอบในบทความนี้ก็เปิดซ้อนกัน ทำไปด้วยกันเลยครับ จะได้ไว<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg8JS9jb4HKMpdxEwQuTMyV8lpdsbw7BRfx6a0oE2gBBDSkEhj_qHDtL1niMT51D-HIIqIDj62z6kAzvu5kPc3AQ7AQxiLuF9jabhoHP9L0u-2ewoQIwP6umqtltGcInMSvoh1ut7cgZpo/s1600-h/gimp2.JPG"><img style="width: 400px; height: 250px;" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5420884888623951890" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg8JS9jb4HKMpdxEwQuTMyV8lpdsbw7BRfx6a0oE2gBBDSkEhj_qHDtL1niMT51D-HIIqIDj62z6kAzvu5kPc3AQ7AQxiLuF9jabhoHP9L0u-2ewoQIwP6umqtltGcInMSvoh1ut7cgZpo/s400/gimp2.JPG" border="0" /></a><br /><br /><br />ได้ภาพมาแล้วตุ่นๆ นิดหน่อย คงเพราะวันที่ถ่ายภาพนี้ แสงแดดจ้าเกิน ก็เลยอัด speed shutter ซะสูงลิ่ว เอาล่ะงั้นเริ่มกันเลย ตามลำดับข้อคือ ปรับเอียง<br /><br />คลิกที่ Rotate Tool ตามข้อ 1 สังเกตสัญลักษณ์ที่อยู่ใต้ลูศีเม้าส์ของเราจะเปลี่ยนละ คราวนี้ไปคลิกแช่ที่มุมภาพ แล้วลากหมุนปรับได้เลยครับ หรือ จะคลิกที่ภาพ จะปรากฎกรอบ ข้อ 2 ขึ้นมาครับ ให้เราเลือกปรับ ตรงหัวข้อ Angle รับเลขได้แยยละเอียด หรือจะเลือกสไลด์บาร์ ด้านล่างก็ได้ตามสะดวก ถูกใจแล้วคลิกปุ่ม Rotate เป็นอันเสร็จครับ<br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgylKvoVvMYJCvksVxxE0pJmEZms8fz3Danyxw_N4AWxSdBgI8gmmOJ8_jf9ZA2zRWbb0bScGPFAyjky0wNEYdojXRb-6cB59GTpU6u3ggwbllpdclNlDTp5XWnGEnbYj50rVKKpnaU0Ak/s1600-h/gimp3.JPG"><img style="width: 400px; height: 247px;" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5420887984239159122" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgylKvoVvMYJCvksVxxE0pJmEZms8fz3Danyxw_N4AWxSdBgI8gmmOJ8_jf9ZA2zRWbb0bScGPFAyjky0wNEYdojXRb-6cB59GTpU6u3ggwbllpdclNlDTp5XWnGEnbYj50rVKKpnaU0Ak/s400/gimp3.JPG" border="0" /></a><br /><br /><br /><br /><br /><br />เรื่องความสว่าง อย่างที่บอกครับ ภาพนี้ตุ่นๆ แนะนำให้ปรับผ่าน Levels ดีกว่า Brightness เหตุผลก็ ความเนียนของเม็ดสี Levels ทำได้ดีกว่า<br /><br />ไปที่ เมนู เครื่องมือ --เครื่องมือสี --Levels ที่กรอบ Levels นี้ เลือกปรับได้ตามชอบครับ<br /><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhpflHd3Vuwk5sgnRC2NrNUp33b2OSt3Vio9sYTAY2LBRgJbUG-uIv2O07l5M0k1nmX1bg5FmFF0LSQ5q1gyk9TcAdACBxBdeRgTf89tc08e3pEGuhbzXwLOkCVddAzOqzqZ9gZF-W-1io/s1600-h/gimp4.JPG"><img style="width: 400px; height: 265px;" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5420892473771453106" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhpflHd3Vuwk5sgnRC2NrNUp33b2OSt3Vio9sYTAY2LBRgJbUG-uIv2O07l5M0k1nmX1bg5FmFF0LSQ5q1gyk9TcAdACBxBdeRgTf89tc08e3pEGuhbzXwLOkCVddAzOqzqZ9gZF-W-1io/s400/gimp4.JPG" border="0" /></a><br />ยกตัวอย่างภาพนี้ผมจะสังเกตุกราฟที่เเห็นอยู่ จะมี สามเหลี่ยมอยู่ด้านล่าง ที่ข้อ 1 เป็นสามเหลี่ยมสีขาว ถัดมาทางด้านซ้ายเป็นสีเทา ถัดมาด้านซ้ายอีกที สี ดำ แล้วมาดูทรงของกราฟครับ ภาพนี้มันค่อนไปทางซ้าย ใกล้สามเหลี่ยมเทา กับดำ ทำให้ภาพดู under ลงไป<br /><br />ผมเลยตัดสินใจปรับ เจ้าสามเหลี่ยมสีขาว ตามภาพครับเข้าหากราฟ เพื่อให้ภาพดูสว่างขึ้น คราวนี้ก็ได้ฟ้ากลับมาแล้ว<br /><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh0vA22okA8u87te-fiAjqdWw2-cwtO9r4WxySa7Z7Kh2D-ZJF5qJKjLWY91V3yqSboYl3ZxhOwuxe8pArs2E5Z-qDAmshOLyN2b3biFOGZjvUP94OtWp7GxYl8IVrRbUexgnmEo02N77o/s1600-h/gimp5.JPG"><img style="width: 400px; height: 256px;" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5420893461637310450" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh0vA22okA8u87te-fiAjqdWw2-cwtO9r4WxySa7Z7Kh2D-ZJF5qJKjLWY91V3yqSboYl3ZxhOwuxe8pArs2E5Z-qDAmshOLyN2b3biFOGZjvUP94OtWp7GxYl8IVrRbUexgnmEo02N77o/s400/gimp5.JPG" border="0" /></a><br /><br /><br /><br />สีสัน ถ้ายังไม่ดูสดพอ เราสามารถปรับเพิ่มได้ครับ เอาแต่พองามนะ ใช้หลักการเร่งเม็ดสีให้มีความอิ่มมากขึ้น หรือที่เรียกว่า Saturation หรือ Sat ไปที่ เมนู สี -- ธาตุสี-ความอิ่มสี ข้อนี้ลองปรับดูนะครับ ตรงหัวข้อ Saturation ใช้ได้และพอใจระดับไหนก็ คลิกปุ่ม ตกลง ไปได้เลย<br /><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiXUA2BlqOgN81ahX9uovv2kHzFQM-fwJ9R7U45RTcXgblazdvu3kg0Hq9X_RNS8r-q0WXyXFe-qAh6CYpdkRO9Wc22yB1jMMFpZ32RsZi0O4NBIHZFP8gysukBDWlyGG1NeKorxVzLLUU/s1600-h/gimp6.JPG"><img style="width: 400px; height: 376px;" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5420896373018359170" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiXUA2BlqOgN81ahX9uovv2kHzFQM-fwJ9R7U45RTcXgblazdvu3kg0Hq9X_RNS8r-q0WXyXFe-qAh6CYpdkRO9Wc22yB1jMMFpZ32RsZi0O4NBIHZFP8gysukBDWlyGG1NeKorxVzLLUU/s400/gimp6.JPG" border="0" /></a><br /><br /><br />ส่วนภาพนี้เป็นภาพที่ทำเสร็จแล้ว<br /><br /><br /><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjAba9hIvZN3dtE2Hc7yOBzKlxIccqU5T2s42TxAUqptHfWxx4dSoIpDlQ0f91JsbyEC4QqnEHEKNY8B_aTaszHlZuaJxKnRk_1J3r_RJZS5-yu9RdVQeXFNA2HwmP5tnj-9i80-qVhEQ0/s1600-h/gimp7.JPG"><img style="width: 400px; height: 236px;" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5420897202358100882" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjAba9hIvZN3dtE2Hc7yOBzKlxIccqU5T2s42TxAUqptHfWxx4dSoIpDlQ0f91JsbyEC4QqnEHEKNY8B_aTaszHlZuaJxKnRk_1J3r_RJZS5-yu9RdVQeXFNA2HwmP5tnj-9i80-qVhEQ0/s400/gimp7.JPG" border="0" /></a><br /><br /><br />คราวนี้มาเรื่องปรับขนาดความละเอียดที่จะส่งอัดภาพ เพราะถ้าบันทึกแล้วส่งไปเลย จะได้ความละเอียดที่ 72 dpi ซึ่งหมายถึงว่าใน 1 ตารางนิ้ว มีจุดสีที่ทำภาพนี้ขึ้นมา 72 จุดซึ่งหยาบไปสำหรับลงกระดาษแผ่นเล็ก เพราะปกติตามร้านทั่วไปเค้าพิมพ์ หรืออัดกันอยู่ที่ 250-300 dpi แต่ยังไม่ได้ลองนะครับว่ารูปภาพที่ถ่ายจากกล้องเสร็จแล้วถอดเมมไปเสียบที่ร้านอัดเลยนั้น เค้าปรับให้หรือเปล่า แต่ที่โหลดมาเข้าคอมแล้วเช็คดูได้แค่ 72 เอง งั้นมาเปลี่ยนกันเลย<br /><br /><br /><br />ไปที่เมนู ภาพ --ขนาดพิมพ์ ที่กรอบความละเอียดการพิมพ์ ดูตรงหัวข้อรายละเอียดแนวนอน และหัวข้อรายละเอียดแนวตั้ง ตัวเลขื้ปรากฏ ก็จะเป็น 72.000 ทั้งตั้งและแนว ให้เปลี่ยนเป็น 300 ไปเลยครับ แต่ ให้ดูความกว้าง ความสูง ที่อยู่ด้านบนประกอบด้วยครับ ว่าตัวเลข อยู่เท่าไร น่าจะมีหน่วยเป็น มิลลิเมตร แต่บ้านเราอัดภาพเรียกกันเป็นนิ้ว เช่น 4x6 8x12 นิ้ว ให้เราเปลี่ยนหน่วยเทียบดู เช่นจะอัดขนาด 4x6 นิ้ว ตัวเลขที่อยู่ในช่องกว้าง สูงก็ควร เป็นขนาดที่ใกล้เคียง<br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjXggPH2A9OAB5EZHrAwBGiNmvMlUi65ULZDUJb17kXzIY-1hPQxNsN2bGcx-QMFPujikpV_zvmw6hlyIIewamSrVSteoOt4eMbm5Uu9I5f9zOotCRWNT9fB6lZx2XG_AJMslUUZbb5Xzg/s1600-h/gimp8.JPG"><img style="width: 384px; height: 264px;" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5420917495817027538" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjXggPH2A9OAB5EZHrAwBGiNmvMlUi65ULZDUJb17kXzIY-1hPQxNsN2bGcx-QMFPujikpV_zvmw6hlyIIewamSrVSteoOt4eMbm5Uu9I5f9zOotCRWNT9fB6lZx2XG_AJMslUUZbb5Xzg/s400/gimp8.JPG" border="0" /></a><br /><br />หรือถ้ากำหนดความละเอียดที่ 300 แล้ว ได้ขนาดความกว้างสูง ออกมาเล็กกว่าที่ต้องการ ก็สามารถลด ความละเอียดลงไปได้ ซัก 250 ประมาณนั้น เท่านี้แหล่ะครับ เสร็จแล้วก็ทำการบันทึกภาพ เอาไปส่งร้านอัดได้เลย<br /><br />เป็นไงบ้างครับ ใช้ง่ายมั้ยครับ ผมว่าคิดเทียบกับเรื่องความฟรีแล้วทำได้ดีเลยทีเดียว เอาล่ะ ปีใหม่แล้วเที่ยวให้สนุกนะครับ<br /><br /><br /><span style="font-family:verdana;"><span style="color: rgb(0, 102, 0);"><b>บทความที่เกี่ยวข้อง</b><br /><br /></span></span><span style="font-family:verdana;"><span style="color: rgb(0, 102, 0);"></span></span><ul><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/blog-post.html">รักแต่งก็มาทางนี้ แต่งภาพด้วยโปรแกรมฟรี</a></li><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/11/blog-post.html">ซอกหลืบสยองของโลกดิจิตอล</a></li><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/save.html">การ save ภาพเพื่อใช้ในเวป</a></li><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/speed-shutter-iso.html">Speed shutter และ ISO</a></li></ul><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-86233861394008708352009-12-29T11:59:00.001+07:002009-12-29T11:59:00.269+07:00มาแบบบางเฉียบกับ Sony DSC-TX1 จะถ่ายภาพนิ่งก็ได้ ภาพเคลื่อนไหวก็ดี<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjFtolFr2NPpWhF7KTo3Wdka67dovhaNZiBTZl5zNg7HJOclre2cnGWITn3k3DQ1OYMqMD0A41xBGwAOFAhrPNEwXin4VG6Wdmf6XKgL1JtoQd08v4zC-nGJ526wb3xFsQNR81z6TVKFfU/s1600-h/tx1-1.jpg"><img style="margin: 0pt 10px 10px 0pt; float: left; cursor: pointer; width: 200px; height: 145px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjFtolFr2NPpWhF7KTo3Wdka67dovhaNZiBTZl5zNg7HJOclre2cnGWITn3k3DQ1OYMqMD0A41xBGwAOFAhrPNEwXin4VG6Wdmf6XKgL1JtoQd08v4zC-nGJ526wb3xFsQNR81z6TVKFfU/s200/tx1-1.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5419041546205859410" border="0" /></a><br />ขึ้นชื่อว่า <!--google_ad_section_start-->compact<!--google_ad_section_end--> ก็ต้องเป็นอะไรที่เล็ก สะดวกพกพา ประสิทธิภาพน่าพอใจ งั้นมาดูกล้องที่ออกแบบมาเด่นเรื่องความบาง และสวยหรูอีกค่าย ที่มาแรงไม่แพ้กันเลยสำหรับ <!--google_ad_section_start-->Sony DSC-TX1<!--google_ad_section_end--> ที่เล็ก บาง ครบตามที่กล่าวมา เห็นตัว<!--google_ad_section_start-->กล้อง<!--google_ad_section_end-->แล้วทำให้ผมมองถึงภาพสาวมั่นสะพายประเป๋าหรู <span id="fullpost">และวาง Sony DSC-TX1 ไว้ข้างใน เท่านี้ก็น่าจะพอสำหรับการไปไหนมาไหน แล้วเก็บบันทึกเรื่องราวรอบข้างไว้ด้วย(ขนาดนั้นล่ะ)<br /><br />งั้นมาดูที่รายละเอียดภายในตัวกล้องกันก่อนครับ<br />ความละเอียดไม่เลยเลยทีเดียวกับความละเอียดระดับ 10.2 ล้านพิกเซล เลนส์ไวด์ 24 มม. กับช่วงซูม Optical 4 เท่า และ 8 เ</span><span id="fullpost">ท่า สำหรับ digital และด้วยกล้องที่เล็กนี่เอง ปุ่มปรับต่างๆจึงถูกลดลง และแทนที่ด้วยการทำโหมดการถ่าย<!--google_ad_section_start-->ภาพ<!--google_ad_section_end-->และบรรยากาศให้เลือก ได้แก่ กลางคืน / บุคคลกลางคืน / วิว / ภาพซอฟท์ / หิมะ / หาดทราย / ดอกไม้ไฟ / ความไวแสงสูง / ชัตเตอร์ความเร็วสูง / ใต้นำ / อาหาร / สัตว์ เยอะไปหมดเพื่อให้ได้รูปภาพสวยดังใจ<br /><br />และโหมดถ่ายภาพอีกตามนี้ โหมดถ่ายภาพอัตโนมัติอัจฉริยะ, โหมดถ่ายภาพอย่างง่าย, โหมดโปรแกรมอัตโนมัติ, โหมดถ่ายภาพแบบพาโนรามา, โหมดถ่ายภาพกลางคืนด้วยมือ, โหมดถ่ายภาพป้องกันภาพสั่นไหว, โหมดเลือกบรรยากาศ<br /><br />ISO มองดูแล้วยังแปลกๆ นะครับ คืออยู่ที่ 124-3200 ซึ่งปกติก็เริ่ม ที่ 80 อย่าง <!--google_ad_section_start-->Canon<!--google_ad_section_end--> กับ <!--google_ad_section_start-->Nikon<!--google_ad_section_end--> แต่ ISO 124 ก็ไม่ได้ทำให้รูปภาพที่ถ่ายออกมา Noise กระจายอะไรนักหนาหรอกนะครับ เพราะ <!--google_ad_section_start-->Dslr<!--google_ad_section_end--> รุ่นใหญ่ๆเองก็เริ่ม ที่ 100 ดังนั้นคือไม่แต่ต่างกันมาก<br /></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiPKGYOMAMvVweJV_NHHrrsvEfgC8ubGb1VNxJAFgP-llEynAXxs-lRepJ9HgvuPfy9QHg0qFOjbr1VGAXoGxguLFh0E3pPsjNc7wQTrF-MAXaB2mkcwSxk0z6K0g_B2_rWhyphenhyphensXZeIv__o/s1600-h/tx1-2.jpg"><img style="margin: 0pt 10px 10px 0pt; float: left; cursor: pointer; width: 200px; height: 145px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiPKGYOMAMvVweJV_NHHrrsvEfgC8ubGb1VNxJAFgP-llEynAXxs-lRepJ9HgvuPfy9QHg0qFOjbr1VGAXoGxguLFh0E3pPsjNc7wQTrF-MAXaB2mkcwSxk0z6K0g_B2_rWhyphenhyphensXZeIv__o/s200/tx1-2.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5419041675657749586" border="0" /></a><br /><span id="fullpost">แต่จะแตกต่างกันก็ต่อง รุ่นใหญ่ต้องเลือกค่าต่างๆเอง เช่น ISO Speed shutter fstop และอื่นๆ ยึกยือ แต่รุ่นเล็ก แค่เลือก โหมดการถ่ายภาพ และบรรยากาศที่จะถ่ายเท่านั้นเอง ก็จะได้รูปภาพ สวยแล้วครับ<br /><br />และอีกเรื่องที่เพิ่มเข้ามาใหม่สำหรับกล้องถ่ายภาพนิ่ง ก็คือการถ่ายภาพเคลื่อนไหว สำหรับตัวเล็กขนาดนี้ได้ถูกใส่การถ่ายภาพขนาดความละเอียด Full HD (1280x720 พิกเซล)เข้ามาด้วยชักเริ่มเผ็ดบ้างแล้วครับ ส่วนระยะเวลาการถ่ายภาพเคลื่อนไหวต่อเนื่องก็ยังเป็นข้อสะอึกนิดๆ เพราะต่อเรื่องได้ครั้งละ 29 นาที อันนี้ต้องดูกันต่อว่าจะปลดล็อคกันที่รุ่นไหน<br /><br />โม้มายาว มาที่ข้อเด่นของเค้าบ้างครับ คือเรื่องความบาง โดยรวมแล้วกล้องหนาแค่ 14.1 มม. ความกว้าง 93.8 มม. และสูง 58.2 มม. ดูแล้วกว้างกว่ากล่องใส่นามบัตรนิดเดียว ตัวเครื่องน้ำหนักแค่ 119 กรัม เรื่องสีที่ให้มาถึง 5 สี(บรอนซ์เงิน, บรอนซ์ทอง, ดำ, เทาอ่อน,เทาเข้ม) ถูกใจสาวๆแน่ครับ<br /><br />ออ อีกหน่อยกับโหมดถ่ายพาโนรามา ที่ตัวกล้องต่อภาพให้เองแค่เราเลือกโหมดนี้แล้วแพนกล้องได้เลย ที่เหลือตัวกล้องจะจัดการเรียงรูปภาพมาทำเป็น 1 ภาพยาวๆ ให้เอง ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน แถมด้วยการสั่งงานผ่านหน้าจอขนาด 3 นิ้วเป็นระบบสัมผัส (Touchscreen) เอาล่ะ ดูตามวิดิโอนะครับ หามาให้แล้ว<br /><br /><object width="560" height="340"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/l6HnSlcfHmY&hl=en_US&fs=1&"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowscriptaccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/l6HnSlcfHmY&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="560" height="340"></embed></object><br /><br /><span style="font-family:verdana;"><span style="color: rgb(0, 102, 0);"><b><span style="font-size:130%;">บทความที่เกี่ยวข้อง</span></b><br /></span></span><ul><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/1.html">ตามเก็บกันซะที โหมดต่างๆ และการใช้งาน ภาค 1</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/1_9129.html">วัดแสง 1 แบบเฉลี่ยทั้งภาพ</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/2.html">วัดแสง 2 แบบหนักกลาง และเฉพาะจุด</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/speed-shutter-iso.html">Speed shutter และ ISO</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/blog-post_16.html">โซนกับการถ่ายภาพสี</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/blog-post_1794.html">การประยุกต์ใช้งานระบบโซน</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/11/blog-post.html">ซอกหลืบสยองของโลกดิจิตอล</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/blog-post_09.html">มือก็นิ่ง โฟกัสได้แล้วทำไมภาพยังดูเบลอๆ ไหวๆ</a></li><br /></ul><br /><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-16713477673358650412009-12-28T11:33:00.010+07:002009-12-29T12:14:58.712+07:00ตามกระแสกับเค้าบ้างครับ Calendar wallpaper ปี 2553 แด่ชาว photohow2 และทุกท่านและแล้วก็หาข้อสรุปกันได้ครับว่า ปีแรกปีนี้ Photohow2 จะทำอะไรให้ดี คิดแล้วคิด ทั้งไกลทั้งใกล้ สรุปได้ก็เรื่องว่า เอางี้งั้นปฏิทิน เพราะไหนๆ ก็ถ่ายภาพแล้ว เอารูปภาพมาเรียงต่อกันแล้วให้ download กันไปเลย เผื่อว่าเพื่อนๆ อยากใช้ หรืออยากส่งต่อให้ใคร อย่างน้อยความสุขอย่างหนึ่งของคนเรานอกจากจะเกิดจากการได้รับแล้ว ยังมีความสุขที่เกิดจากการให้ได้ด้วย งั้นเอากันงี้เลยนะครับถ้าไม่ชอบใจกับภาพที่ให้ทางผมต้องขออภัยงามๆ ด้วยครับ<br /><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgVJEEigOAGCA7emJVNbKHsz7IX85jE12IdsdrQ3HULj9Wf4dlskJRdB_IgPdCata5jtYYP8kZZWIOqvRN3zkZ6wsBhUSMq9vHQ9dU7L540W8SlFz38ftP-KiIu3UVVzku9fABnz7Qeoc0/s1600-h/cover.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 84px; FLOAT: left; HEIGHT: 200px" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5420141020671556802" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgVJEEigOAGCA7emJVNbKHsz7IX85jE12IdsdrQ3HULj9Wf4dlskJRdB_IgPdCata5jtYYP8kZZWIOqvRN3zkZ6wsBhUSMq9vHQ9dU7L540W8SlFz38ftP-KiIu3UVVzku9fABnz7Qeoc0/s200/cover.jpg" /></a><br />แค่อยากจะบอกว่าผมตั้งใจคัด และทำขึ้นมาให้จริงๆครับ ถ้าอยากส่งต่อตามลิ้งค์นี้ครับ <a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/calendar-wallpaper-2553-photohow2.html">http://photohow2.blogspot.com/2009/12/calendar-wallpaper-2553-photohow2.html</a> สำหรับตัวปฏิทินผมเพิ่มวันสำคัญเข้าไปให้ด้วย เพราะเห็นว่าส่วนใหญ่ปฏิทินในรูปแบบของรูปภาพที่เป็น Calendar wallpaper จะมีแค่วัน วันที่และเดือน ส่วนวันสำคัญยังมีน้อย ครั้งนี้ก็เลยนั่งเพิ่มให้ครับ ส่วนขนาดของ Calendar wallpaper ในชุดแรกผมทำไว้ 2 ขนาดครับคือ ขนาด 1600x900 พิกเซล และ 1280x1024 พิกเซล ให้ได้เลือก download ตามจอคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานกันอยู่ ตามลิ้งค์ด้านล่างครับ<br /><br /><br /><br /><p></p><p></p><p><a href="http://cid-52b86e3abcf21e1b.skydrive.live.com/self.aspx/.Public/1600x900px/photohow2Calendar2010size1600-900.rar"><span style="FONT-WEIGHT: bold">download ที่ขนาด 1600 x 900 พิกเซล </span></a><a style="FONT-WEIGHT: bold" href="http://cid-52b86e3abcf21e1b.skydrive.live.com/self.aspx/.Public/1600x900px/photohow2Calendar2010size1600-900.rar">คลิกที่นี่</a><br /></p><br />และ<br /><br /><a href="http://cid-52b86e3abcf21e1b.skydrive.live.com/self.aspx/.Public/1280x1024px/photohow2Calendar2010size1280-1024.rar"><span style="FONT-WEIGHT: bold">download ที่ขนาด 1280x1024 พิกเซล คลิกที่นี่</span><span style="TEXT-DECORATION: underline"><span style="FONT-WEIGHT: bold"></span></span></a><br /><br /><br /><br /><br /><br /><span style="FONT-WEIGHT: bold">ขออนุญาติแนะวิธีการคร่าวๆให้ตามนี้ก่อนนะครับ</span><br /><br />แล้วจะทราบได้อย่างไรว่าเราเองใช้จอขนาดความละเอียดที่เท่าไร ถ้าเป็น Windows Vista ให้คลิกขวาที่ Desktop เลือกหัวข้อล่างสุดคือ Personalize ที่กรอบของ Personalize หรือ คลิก start > Control Panel > Personalization เลือกหัวข้อล่างสุดคือ Display Settings ที่กรอบนี้ ให้ดูหัวข้อ Resolution: จะระบุความละเอียดไว้ด้านล่าง เช่น 1280 by 1024 เป็นต้น ก็เลือก download ได้ตามขนาดครับ<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgdKC7iUKPEPPUDoJQ7mVauHG6Ux78jpL23E9kheICTzNNW8AXpIC0pJ1lMbxzNL48Dahucewsjb2icZGHvFV-jmMgiqCvQx9PSijwOTgSprBiJ26-4stVGuJcoCKfJv30NuR0kzPoOq_w/s1600-h/vista-Resolution.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 199px; FLOAT: left; HEIGHT: 200px" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5420141441375467394" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgdKC7iUKPEPPUDoJQ7mVauHG6Ux78jpL23E9kheICTzNNW8AXpIC0pJ1lMbxzNL48Dahucewsjb2icZGHvFV-jmMgiqCvQx9PSijwOTgSprBiJ26-4stVGuJcoCKfJv30NuR0kzPoOq_w/s200/vista-Resolution.jpg" /></a><br />Win XP ก็คล้ายๆกันครับ คลิกขวาที่ Desktop เลือก Properties ในแถบ Display Properties คลิกแถบ Settings ด้สนในนี้มองหา Screen resolution จะมีตัวเลขอยู่คล้ายๆ Vista เลยครับ เช่น 1600 by 900 pixels<br /><br />อีกคำถามก็คือ การใส่ภาพลงไป ให้ใช้ winrar (โหลดได้ที่ www.winrar.com) ในการแตกไฟล์เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ครับ Windows Vista ให้คลิกขวาที่ Desktop เลือกหัวข้อล่างสุดคือ Personalize ที่กรอบของ Personalize หรือ คลิก start > Control Panel > Personalization เลือกหัวข้อ Desktop Background แล้วคลิกที่ปุ่ม Browse... เพื่อเปลี่ยนไปเลือกไฟล์ในโฟลเดอร์ที่เราแตกไฟล์ไว้ครับ<br /><br />และ Win XP ก็ คลิกขวาที่ Desktop เลือก Properties ในแถบ Display Properties คลิกแถบ Desktop ด้านในนี้มองหาปุ่ม Browae... เพื่อเปลี่ยนไปเลือกไฟล์ภาพในโฟลเดอร์ที่เราแตกไว้เช่นกันครับ<br /><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi7tjqJxVHGVOae2XUu0rAgUj00vzEj_h5FbqJwPn5hV3kUTBx_7zRNAIVVDSg6MQhZ0LjDkHyke57PEJC1Ci3on1Tt7PRqAyonYABcLkGOooRZT8nUL5etIMH36sNIiCL5FJ6q9iLfbHk/s1600-h/vista-bg.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 200px; FLOAT: left; HEIGHT: 151px" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5420141797969174290" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi7tjqJxVHGVOae2XUu0rAgUj00vzEj_h5FbqJwPn5hV3kUTBx_7zRNAIVVDSg6MQhZ0LjDkHyke57PEJC1Ci3on1Tt7PRqAyonYABcLkGOooRZT8nUL5etIMH36sNIiCL5FJ6q9iLfbHk/s200/vista-bg.jpg" /></a><br />มาคราวนี้เรื่องขนาดความละเอียดขอจอภาพที่ใช้กันอยู่ครับ ที่ผมทำมา 2 ขนาด ก็เหมือนโยนหินถามทางกันไปก่อนครับ ส่วนหากต้องการขนาดที่แตกต่างกันออกไปจากนี้ รบกวนให้มาเม้นท์ทิ้งไว้ครับว่าจอที่ใช้อยู่มีความละเอียดเท่าไร ทางผมจะดูที่จำนวนในการเม้นที่มากที่สุด เพื่อจะได้ทำไฟล์ออกมาให้ download กันต่อไปครับ ครึ่งทางละกันเนาะ<div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-17387648908341033382009-12-26T21:59:00.001+07:002009-12-26T21:59:00.470+07:00กล้องโปรเจคเตอร์ จาก Nikon<!--google_ad_section_start-->Nikon COOLPIX 1000pj Compact<!--google_ad_section_end--> ตัวจิ๋วจาก <!--google_ad_section_start-->Nikon<!--google_ad_section_end--> ที่สามารถฉาย<!--google_ad_section_start-->รูปภาพ<!--google_ad_section_end-->ที่ถ่ายไว้ในเครื่องออกมาได้ ที่หยิบ<!--google_ad_section_start-->กล้อง<!--google_ad_section_end--> นี่ล่ะครับเหตุที่หยิบกล้องตัวนี้ออกมา reviews ก็ด้วยเรื่องฉายภาพได้นี่แหล่ะครับ โดยส่วนตัวเห็นว่าฟังค์ชันนี้น่าสนใจและใหม่เอาการอยู่<span id="fullpost"> ถึงแม้จะยังไม่แน่ใจเรื่องจุดประสงค์ของทาง Nikon ที่หยิบเอาฟังค์ชันตัวนี้มาใส่ก็เถอะครับ แต่ก็ยังมองว่า อืมม แปลกดีนะ<br /><br />แต่อย่างเคยมาผมต้องขอบอกถึงสเปกคร่าวๆ ก่อนครับ Nikon COOLPIX 1000pj ให้ความละเอียดในการบันทึกภาพ 12.1 ล้านพิกเซล ใช้เลนส์ขนาด 25 มม.มีช่วงซูม 5 เท่า พอๆกับ <!--google_ad_section_start-->Canon IXUS 200IS<!--google_ad_section_end--> หน้าจอแบบ LCD 2.7 นิ้ว ISO 80-1600(ปรับเพิ่มในโหมด Manual ได้สูงสุด 6400)พร้อมระบบ Retouch หรือแต่งภาพภายในตัวกล้อง นั่นแหล่ะจากค่ายนี้ล่ะครับ<br /><br />คราวนี้ผมขอวกมาต่อเรื่องโหมด โปรเจคเตอร์ล่ะครับ การฉายภาพของ Nikon COOLPIX 1000pj จะฉายออกมาในลักษณะสไลด์ความละเอียดขนาด VGA หรือ 640 x 480 พิกเซลมีระยะในการฉายได้สูงสุด 2 เมตร และให้ภาพขนาดเท่าจอ 40 นิ้ว<br /><br />เพิ่มเติมครับ จาก youtube<br /><object width="560" height="340"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/ZXlKWbTLXAw&hl=en_US&fs=1&"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowscriptaccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/ZXlKWbTLXAw&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="560" height="340"></embed></object><br /><br /><br /><span style="font-family:verdana;"><span style="color: rgb(0, 102, 0);"><b><span style="font-size:130%;">บทความที่เกี่ยวข้อง</span></b><br /></span></span><ul><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/1.html">ตามเก็บกันซะที โหมดต่างๆ และการใช้งาน ภาค 1</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/1_9129.html">วัดแสง 1 แบบเฉลี่ยทั้งภาพ</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/2.html">วัดแสง 2 แบบหนักกลาง และเฉพาะจุด</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/speed-shutter-iso.html">Speed shutter และ ISO</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/blog-post_16.html">โซนกับการถ่ายภาพสี</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/blog-post_1794.html">การประยุกต์ใช้งานระบบโซน</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/11/blog-post.html">ซอกหลืบสยองของโลกดิจิตอล</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/blog-post_09.html">มือก็นิ่ง โฟกัสได้แล้วทำไมภาพยังดูเบลอๆ ไหวๆ</a></li><br /></ul><br /><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-49937083488331854322009-12-24T09:49:00.003+07:002009-12-25T09:45:48.646+07:00มาดู Compact Digital IXUS 200IS ของน้องพอลล่ากัน<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiEL8iiaAWiVVkOsRyOubp64ds3iEqVfI7GYquMGVyGoTTFhiYsizeDAz_ZnOaFYKi0-plEDi-CBwOeWUUdvcfFD3tn__-AVwVYvVKUaGiHakJ5vmqmdhoNQC4vxBUfE3Q8FJbGe6OBZAU/s1600-h/200is-.jpg"><img style="MARGIN: 0pt 10px 10px 0pt; WIDTH: 200px; FLOAT: left; HEIGHT: 150px; CURSOR: pointer" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5417528813700004338" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiEL8iiaAWiVVkOsRyOubp64ds3iEqVfI7GYquMGVyGoTTFhiYsizeDAz_ZnOaFYKi0-plEDi-CBwOeWUUdvcfFD3tn__-AVwVYvVKUaGiHakJ5vmqmdhoNQC4vxBUfE3Q8FJbGe6OBZAU/s200/200is-.jpg" /></a><br />ตามที่ได้รับปากกันไว้ครับ ว่าจะพูดถึงเรื่องของ กล้อง Compact กันบ้าง นั่งคิดนอนคิดว่าจะเอาเรื่องอะไรดี อืมงั้นก็ Reviews กล้อง ละกันครับ แล้วคำถามก็ตามมา ในบ้านเรามีกี่ยี่ห้อกัน อืม ไล่ๆ ไปเลยก็ Canon, Nikon, Sony, Panasonic, Olympus, Pentax ฯ ดูตลาดแล้ว ต้องบอกว่าร้อนแรงครับ งั้นเอาเท่าที่ได้ หรือทั้งหมดล่ะ<span id="fullpost"><br /></span><br /><span id="fullpost">อีกคำถามที่ตามมา คือ เนื่องจากกล้อง Compact หลายยี่ห้อ หลายรุ่น แล้วเอาอะไรมาเป็นตัวตั้งในการเลือกกล้องแต่ละรุ่นมา Reviws ก็ได้คำตอบ 3 เรื่องครับ<br /><br />- มาใหม่ อันนี้สำคัญ<br />- ความละเอียด เลือกที่ไล่ๆกัน<br />- ความแปลกใหม่ของฟังค์ชันใช้งาน แต่ละค่ายก็งัดไม้เด็ดออกมาอวดกัน นอกจากขายตัวกล้อง ที่กด โฟกัส แล้วถ่ายภาพ ได้<!--google_ad_section_start-->รูปภาพ<!--google_ad_section_end-->มา 1 ไฟล์<br /><br />ดังนั้น ถ้ากล้องรุ่นไหนมีครบซัก 2 ใน 3 ถือว่าผ่าน มาเริ่มกันที่ Canon ก่อนเลยครับ รุ่นที่จะเอามา Reviews ก็คือ <!--google_ad_section_start--><span style="FONT-WEIGHT: bold"><br /><br />Canon IXUS 200IS</span><!--google_ad_section_end--><br /></span><br /><span id="fullpost">สำหรับรูปร่างหน้าตาของกล้อง Compact ตัวนี้ดูละม้ายกับรุ่นพี่ อย่าง IXUS 120IS ที่นอกจากความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเหมือนกันแล้ว ยังเพิ่มเติมเสริมเขี้ยวเข้ามาอีก ได้แก่ หน้าจอที่กว้างขึ้นเป็นขนาด 3 นิ้ว แถมสั่งงานด้วยระบบสัมผัส หรือ Touchscreen <!--google_ad_section_start-->camera<!--google_ad_section_end--> ช่วงซูม ออพติคอลที่เพิ่มเป็น 5 เท่า เพิ่มความไวด์ของเลนส์ ที่ 24 mm. และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเทคโนโลยีของชิปประมวลผล DIGIC 4 เหมือนกันกับ <!--google_ad_section_start-->Dslr<!--google_ad_section_end-->รุ่นใหญ่อย่าง <!--google_ad_section_start-->Canon EOS 7D<!--google_ad_section_end--> เรื่องถ่ายภาพเคลื่อนไหว ขาดไม่ได้เลยจริงๆสำหรับความละเอียดระดับ Full HD (1280x720 พิกเซล) เรียกได้ว่ามากันครบเลยครับ สำหรับการถ่ายภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว<br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjs6YiIWBxRHhS3EkjmyyGlppK_JsaGk6mHmv7MAo3guYCTE3CJ2yCakmlrEplmUsIX0RtSCvpk8qhbNyuIU5-zNAaM9gqTRiaPzWwTyFZGgVN2cqB4qBO19Wn0oAcD_4ldGqIy6w3xJ3A/s1600-h/canon200is.jpg"><img style="MARGIN: 0pt 10px 10px 0pt; WIDTH: 282px; FLOAT: left; HEIGHT: 196px; CURSOR: pointer" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5417544640564050018" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjs6YiIWBxRHhS3EkjmyyGlppK_JsaGk6mHmv7MAo3guYCTE3CJ2yCakmlrEplmUsIX0RtSCvpk8qhbNyuIU5-zNAaM9gqTRiaPzWwTyFZGgVN2cqB4qBO19Wn0oAcD_4ldGqIy6w3xJ3A/s200/canon200is.jpg" /></a><br />คุณสมบัติเหล่านี้เป็นไม้เด็ดของ Canon เค้าเลยครับ ขนมากันแบบที่แทบไม่น้อยหน้า Dslr รุ่นใหญ่ๆ เลยทีเดียวที่ผมเจอนอกจากนั้น คือ ISO ที่อยู่ช่วง 80-1600 ที่น่าสนใจคือ ISO 80 ปกติกล้องทั่วๆไป มีตั้ง แต่ 100 ขึ้นไป<br /><br />แล้วเจ้า ISO 80 จะใช้เมื่อไหร่ ใช้เมื่อต้องการใช้เวลาเปิด speed shutter นานๆ เช่น ถ่ายภาพพลุ ถ่ายภาพน้ำตก เพราะส่วนใหญ่กล้อง Compact ไม่มี ฟังค์ชั่น Shutter B มาให้ แต่จะให้ฟังค์ชั่นสำเร็จรูปมา เช่น โหมด ถ่ายภาพพลุ ถ่ายภาพน้ำตก ซึ่งก็ดึงเอาคุณสมบัติของเลนส์ เรื่อง fstop ของตัวกล้อง เรื่อง Speed shutter และเจ้า ISO นี่ล่ะ<br /><br />จึงเดาได้เลยว่าหากต้องถ่ายน้ำตก หรือพลุแล้ว ISO ค่ายิ่งน้อยยิ่งจะถูกเรียกใช้และจำเป็นมากครับ ด้านล่างเอามาฝากจาก youtube<br /><br /><object width="560" height="340"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/hHvYsXk1Ekk&hl=en_US&fs=1&"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowscriptaccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/hHvYsXk1Ekk&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="560" height="340"></embed></object><br /><br />อันนี้ขำๆครับ เคยได้ยินมาว่า ความจริง<!--google_ad_section_start-->กล้องดิจิตอล<!--google_ad_section_end-->ยี่ห้อ หรือรุ่นไหนๆ ก็เหมือนกันครับ แต่พอเจอน้องพอลล้า เข้าไป ใจอ่อนทุกที ^_^<br /><br /><span style="font-family:verdana;"><span style="COLOR: rgb(0,102,0)"><b><span style="font-size:130%;">บทความที่เกี่ยวข้อง</span></b><br /></span></span><ul><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/1_13.html">วิธีถ่ายภาพน้ำตกให้สายน้ำนุ่มนวล 1</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/blog-post_6347.html">วิธีถ่ายภาพน้ำตกให้สายน้ำนุ่มนวล 2</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/blog-post_5593.html">การถ่ายภาพพลุ</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/1.html">ตามเก็บกันซะที โหมดต่างๆ และการใช้งาน ภาค 1</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/av-2.html">โหมดการถ่ายภาพ A sinv Av ภาค 2</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/blog-post_09.html">มือก็นิ่ง โฟกัสได้แล้ว ทำไมภาพยังเบลอๆ ไหวๆ</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/11/blog-post.html">ซอกหลืบสยองของโลกดิจิตอล</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/stop-action.html">stop action เค้าค้างกันอย่างไร</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/1_9129.html">วัดแสง 1 แบบเฉลี่ยทั้งภาพ</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/2.html">วัดแสง 2 แบบเฉลี่ยหนักกลางและเฉพาะจุด</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/speed-shutter-iso.html">Speed Shutter และ ISO</a></li><br /></ul><br /><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-6678487273643452942009-12-22T21:39:00.000+07:002009-12-22T21:39:00.300+07:00โหมดการถ่ายภาพ TV หรือ S ภาค 3มาถึงโหมดที่ 3 กันแล้วครับ ย้อนไปทบทวนกันก่อนครับ สำหรับ 2 โหมดที่ผ่านมา โหมดแรก ก็คือโหมดการถ่ายภาพแบบ Manual สรุปง่ายๆ โหมดนี้ ก็คือค่า Speed shutter กับ fstop สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระ จะทราบว่าต้องใช้ค่าเท่าไร ได้จากการวัดแสง หรือกะด้วยประสบการณ์อันโชคโชน<span id="fullpost">(ขนาดนั้นเลย )<br />โหมดที่ 2 ที่ผ่านมาก็คือ A หรือ Av ก็อ้างอิงสำหรับ <!--google_ad_section_start-->กล้อง<!--google_ad_section_end--> <!--google_ad_section_start-->canon<!--google_ad_section_end--> กับ <!--google_ad_section_start-->Nikon<!--google_ad_section_end--> ล่ะครับ แยกกันประมาณนี้ส่วนยี่ห้ออื่นอย่าง <!--google_ad_section_start-->Sony <!--google_ad_section_end--><!--google_ad_section_start-->Olympus<!--google_ad_section_end--> ก็คล้ายๆ กันครับ ต่อนะครับ โหมดนี้ทำงานโดยเราตั้งค่า <!--google_ad_section_start-->fstop<!--google_ad_section_end--> เอง ตัวกล้องจะหาค่า <!--google_ad_section_start-->speed shutter<!--google_ad_section_end--> ตามค่า Ev ที่เราตั้งไว้ และต้องใช้การวัดแสงเป็นหัวใจหลัก<br /><br />ถึงตรงนี้สำหรับคอ <!--google_ad_section_start-->compact<!--google_ad_section_end--> อย่าเพิ่งน้อยใจนะครับ ไม่มีลืมกันแน่นอนครับ เสร็จจากนี่จะไล่ให้หมดเลย เอาให้เต็มทั้ง Previews กล้อง ทั้งโหมด คุยกันยาวเหมือนกันครับ งั้นก็ท่องไว้ก่อนว่า compact จ๋า อย่าน้อยใจ เดี๋ยวมีมาให้ชมแน่ๆ ตอนนี้ของทางให้ dslr ไปก่อน<br /><br />โม้ซะนาน ไม่ใช่อะไรหรอกแค่ใส่น้ำให้ดูเยอะ ฮา.. ล้อเล่นครับ จะบอกว่าโหมด TV หรือ S นี้ไม่มีอะไรมากก็เท่านั้นเองครับ ก็ในโหมด A หรือ AV ความหมายโดยตรงก็คือ Aperture Priority ดังนั้นโหมด S หรือ TV ก็คือ Speed shutter Priority ที่เรากำหนดค่า speed shutter กับ Ev เอง ส่วนค่า fstop กล้องจะกำหนดให้สัมพันธ์ กันไปเองครับ<br /><br />นะเท่านี้แหล่ะ ข้อควรระวังก็เหมือนภาค 2 ครับ คือด้วยความที่ต้องวัดแสงใหม่ทุกครั้งก่อนจะถ่ายภาพจึงต้องศึกษาเรื่องการวัดแสง แบบต่างๆให้เข้าใจ เพื่อให้ภาพที่ออกมาสวยถูกใจ<br /><br />แถมอีกหน่อยครับ เรื่องการใช้งานโหมดนี้ เนื่องจากว่าเป็นโหมดที่ผมเอง และเพื่อนๆท่านอื่นใช้น้อย(ผมใช้ full auto ฮาา) คิดเล่นๆ ว่าคงเพราะมันอยู่ลึกมั้ง หมุนมาหลายคลิกเลยไม่ค่อยใช้กัน เจ้าโหมดนี้จะมักใช้เมื่อต้องใช้ความเที่ยงตรงของ speed เช่น pan กล้อง หรือ ภาพกีฬา หรืออะไรที่เกี่ยวกับ speed shutter เป็นปัจจัยหลัก เหมือนภาพการเข้าเส้นชัย หรือนักฟุตบอลแย่งกันโหม่งลูกบอล แบบลอย นั่นล่ะ อารมณ์นั้นคงไม่มีเวลาคิดหรือว่า fstop ต้องเท่าไร แค่โฟกัสก็ให้ทันเหอะ ^_^<br /><br />วันที่เขียนอยู่เนี่ยเป็นเย็นวันศุกร์ ใกล้คริสมาสต์ กับปีใหม่แล้ว อากาศก็กำลังดี รักษาสุขภาพด้วยนะครับ กิจกรรมเยอะคิวก็เยอะตาม เดี๋ยวจะพักผ่อนไม่พอ....<br /><br /><span style="font-family:verdana;"><span style="COLOR: rgb(0,102,0)"><b><span style="font-size:130%;">บทความที่เกี่ยวข้อง</span></b><br /></span></span><ul><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/1.html">ตามเก็บกันซะที โหมดต่างๆ และการใช้งาน ภาค 1</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/av-2.html">โหมดการถ่ายภาพ A sinv Av ภาค 2</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/blog-post_09.html">มือก็นิ่ง โฟกัสได้แล้ว ทำไมภาพยังเบลอๆ ไหวๆ</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/11/blog-post.html">ซอกหลืบสยองของโลกดิจิตอล</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/stop-action.html">stop action เค้าค้างกันอย่างไร</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/1_9129.html">วัดแสง 1 แบบเฉลี่ยทั้งภาพ</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/2.html">วัดแสง 2 แบบเฉลี่ยหนักกลางและเฉพาะจุด</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/speed-shutter-iso.html">Speed Shutter และ ISO</a></li><br /></ul><br /><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-54262655067994867542009-12-20T21:49:00.004+07:002009-12-21T09:05:44.256+07:00โหมดของการถ่ายภาพ A หรือ Av ภาค 2ล้อมวงกันเข้ามาครับ หลังจากคราวก่อน พูดเรื่องโหมด M หรือ Manual ไปแล้ว มาคราวนี้เลยเอาเรื่องโหมดที่เหลือมาต่อกัน ค่อยๆหยิบจับ น้ำบ้าง เนื้อบ้าง พอแก้ง่วง โหมดการถ่ายภาพที่จะกล่าวต่อ คือ A หรือ Av โหมดนี้ความหมายคร่าวๆ ก็คือ Aperture Priority หรือระบุถึง<br /><span id="fullpost"><br />fstop เป็นหลัก โดยจะเปิดตัว fstop ให้เราสามารถปรับเปลี่ยนเองได้ ว่าอยากได้ชัดลึก ชัดตื้นซักเท่าไหร่ก็เลือกเปิดเอา ที่เหลือในเรื่อง speed shutter กล้องจะคำนวนจากการวัดแสง และจะกำหนดให้เราเอง ขาดไม่ได้คือเราต้องตั้งค่า Ev ด้วยครับ ว่าจะ ว่าจะชดเชยแสงไปด้านบวก หรือลบเท่าไร เพื่อกล้องจะได้คำนวนค่า speed shutter ให้ได้ถูก<br /></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjMMKiluZH_9Lr_uLyLo_ZetDO29WzK-J1O78darakBzGJgnrSn7ctRaerUn36RfzNgFZ4jSORec9Hr8M4WH22vMCTCYlbyoGamzn9ihyphenhyphenOxrKxf2BmChVUPFgxY_g1m0-3M7JP6n4oU5Wg/"><img style="margin: 0pt 10px 10px 0pt; float: left; cursor: pointer; width: 184px; height: 104px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjMMKiluZH_9Lr_uLyLo_ZetDO29WzK-J1O78darakBzGJgnrSn7ctRaerUn36RfzNgFZ4jSORec9Hr8M4WH22vMCTCYlbyoGamzn9ihyphenhyphenOxrKxf2BmChVUPFgxY_g1m0-3M7JP6n4oU5Wg/" alt="" border="0" /></a><br /><span id="fullpost">เรียกว่า ยืนพื้นที่ <!--google_ad_section_start-->fstop<!--google_ad_section_end--> ที่อยากได้ แล้วก็กดๆๆ ไปเลยได้ภาพแน่ๆ ซึ่งจะช่วยให้เราไม่ต้องกังวลมาคำนวนเองว่า เอ..fstop เท่านี้ แล้ว speed shutter ต้องเท่าไหร่ ถึงจะได้ภาพออกมาตรงกับที่ต้องการ เมื่อเรื่องนี้หมดไป เราก็ไปกังวลกับเรื่องสิ่งที่จะถ่ายแทน ฮา..<br /><a href="http://photos3.hi5.com/0091/124/178/rkiTmQ124178-02.jpg"><img style="margin: 0pt 10px 10px 0pt; float: left; cursor: pointer; width: 650px; height: 433px;" src="http://photos3.hi5.com/0091/124/178/rkiTmQ124178-02.jpg" alt="" border="0" /></a><br /><br />ที่น่าเป็นห่วงคือ ด้วยว่าค่า speed shutter ที่ได้จะปรับตามค่าแสงที่เราวัดได้ แล้วถ้าวัดผิดที่ล่ะครับ จะเกิดอะไรขึ้น คำตอบก็เหมือนกับโหมด M ล่ะครับ ถ้าไม่สว่างจ้าจน Over ไป ก็ under จนไม่เห็นอะไร หรือได้ภาพไหวๆ เหมือนวิญญาณ เพราะ<!--google_ad_section_start-->กล้อง<!--google_ad_section_end-->สั่งให้เจ้า speed shutter เปิดนานไปเพื่อให้ได้แสงพอดีกับที่ตั้งไว้<br /><br />แล้วทำไงดี ทำใจครับ เปล่ามาตอบกวนนะครับ แต่ก็เป็นอย่างงั้นจริงๆ ที่เราต้องทำคือเข้าใจเรื่องของการวัดแสง และเลือกใช้การวัดแสงแบบต่างๆ เช่น เฉลี่ยทั้งภาพ หนักกลาง เฉพาะจุด เพื่อความแม่นยำของสภาพแสงที่ได้ว่าออกมาใกล้หรือตรงกับความต้องการของเรามากที่สุดครับ<br /><br />งั้นพอจะสรุปได้นะครับว่าโหมดนี้ต้องอาศัยการวัดแสงเข้าช่วย และกล้องจะปรับเปลี่ยนค่า speed shutter ตามเรา ส่วน<!--google_ad_section_start-->ช่างภาพ<!--google_ad_section_end-->ก็แค่ ตั้งค่า Ev และเปลี่ยน fstop เพื่อคุมระยะชัดตื้น ชัดลึกให้ได้ตามต้องการเท่านั้น<br /><br /><span style="font-family:verdana;"><span style="color: rgb(0, 102, 0);"><b><span style="font-size:130%;">บทความที่เกี่ยวข้อง</span></b><br /></span></span><ul><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/1.html">ตามเก็บกันซะที โหมดต่างๆ และการใช้งาน ภาค 1</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/1_9129.html">วัดแสง 1 แบบเฉลี่ยทั้งภาพ</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/2.html">วัดแสง 2 แบบหนักกลาง และเฉพาะจุด</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/speed-shutter-iso.html">Speed shutter และ ISO</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/blog-post_16.html">โซนกับการถ่ายภาพสี</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/blog-post_1794.html">การประยุกต์ใช้งานระบบโซน</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/11/blog-post.html">ซอกหลืบสยองของโลกดิจิตอล</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/blog-post_09.html">มือก็นิ่ง โฟกัสได้แล้วทำไมภาพยังดูเบลอๆ ไหวๆ</a></li><br /></ul><br /><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-87586778084340537702009-12-18T21:19:00.002+07:002009-12-21T09:05:49.331+07:00ตามเก็บกันซะที โหมดต่างๆ และการใช้งาน ภาค 1<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjhF7pTcNA_EKImeBIxoZ2AlKzyGbfHOHqiCU_Ah0A98j6cxwX5jXxMegwRwA3GR0av5G8FtA-M2wJYnXDaL4eczm1oadDgXdkuClOpFyEVRsgfsHfYTYUYgJKpnmQzs05JdAM_k_FYwGI/s1600-h/canon-mode.jpg"><img style="margin: 0pt 10px 10px 0pt; float: left; cursor: pointer; width: 144px; height: 109px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjhF7pTcNA_EKImeBIxoZ2AlKzyGbfHOHqiCU_Ah0A98j6cxwX5jXxMegwRwA3GR0av5G8FtA-M2wJYnXDaL4eczm1oadDgXdkuClOpFyEVRsgfsHfYTYUYgJKpnmQzs05JdAM_k_FYwGI/s200/canon-mode.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5415758249116828370" border="0" /></a><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgSOKGUlKIrgbKXIHjlW5dZ0_MFQn_iFNin53KiHwSPaiechmrX-Hl2L0NcqC9HTb1xTqVvJoyF4dPlhogV3MJqsJbVgG7ma5d3VXWutzJsjSE67FCij4SCh1yUAU1gCL3n5hEeTKnghVQ/s1600-h/nik-modes-.jpg"><img style="margin: 0pt 10px 10px 0pt; float: left; cursor: pointer; width: 118px; height: 112px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgSOKGUlKIrgbKXIHjlW5dZ0_MFQn_iFNin53KiHwSPaiechmrX-Hl2L0NcqC9HTb1xTqVvJoyF4dPlhogV3MJqsJbVgG7ma5d3VXWutzJsjSE67FCij4SCh1yUAU1gCL3n5hEeTKnghVQ/s200/nik-modes-.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5415756511345779858" border="0" /></a><br />วันก่อนเพื่อนของเรา คุณ ruj ได้เข้ามาเม้น และทวงเรื่องโหมดต่างๆของกล้อง และการใช้งาน อ้อ เพิ่งนึกได้ผมข้ามเรื่องนี้ไปครับ แหะๆ ผมนี่แย่จัง งั้นมาเก็บกันครับ เรื่องโหมดที่เราเห็นอยู่ที่บนปุ่มกล้องให้เราเลือกใช้งานครับ ถ้าของ <!-google_ad_section_start>canon<!-google_ad_section_end> ก็จะเป็น M/Av/Tv/P แต่ถ้า <!-google_ad_section_start>nikon<!-google_ad_section_end> ก็ M/A/S/P ขอหลักเท่านี้ก่อนนะครับ จะใช้อะไร<br /><span id="fullpost"><br />ก็มีหลักการเดียวกันเลยครับ เป็นการเน้นการทำงานของ 2 ส่วนหลักๆ นะ นั่นก็คือ ค่า fstop กับ ค่า Speed shutter ว่าจะอ้างอิงค่าไหนเป็นหลักเท่านั้นเองล่ะครับ<br /><br />เริ่มที่โหมดแรกก่อน<br />โหมด M ตรงๆตัวเลยคือ Manual เจ้าโหมดตัวนี้ผู้ใช้จะสามารถปรับตั้งค่า fstop และ speed shutter ได้อิสระและจะคงที่ตามที่เราปรับไว้ตลอดแล้วเจ้า 2 ค่านี้เราจะทราบได้ยังไง ก็ทราบตอนวัดแสงล่ะครับ ว่า ต้อง fstop เท่านี้ speed เท่านี้ล่ะที่เราต้องการ อาจจะอธิบายง่ายไปหน่อย แต่ถ้าไปโหมดต่อไปแล้วจะเข้าใจเองล่ะ ถ้างง ข้ามไปอ่านโหมดต่อไปก่อนครับ แล้วค่อยวกกลับมา<br /><br />กล่าวถึงข้อดีของโหมดนี้ ด้วยความที่ค่า fstop และ speed shutter คงที่ตามที่ปรับช่วยให้เวลากดชัตเตอร์แต่ละครั้ง เราไม่ต้องกลับมาวัดแสงใหม่อีกครั้งครับ ยกขึ้นกดได้เลย แต่ ต้องดูสภาพแสงในตอนนั้นด้วยนะครับ ว่าแสงมีการเปลี่ยนแปลงไวขนาดไหน เช่น การถ่ายภาพ ช่วงอาทิตย์ขึ้น หรือถ่ายภาพช่วงอาทิตย์ตก ซึ้งแสงจะต่างกันในทุกๆ 1-2 นาที อาจทำให้เหนื่อยในการปรับค่า<br />แล้วก็อีกเรื่องคือ บริเวณที่เราถ่ายภาพครับ เช่นปรับไว้สำหรับ<!-google_ad_section_start>ภาพ<!-google_ad_section_end>วิว อยู่ดีๆ พอแฟนเดินมาสั่งมาว่า "ตะเอง ถ่ายให้เค้าหน่อย เดี๋ยวนี้!!" ด้วยความตกใจปนกับเร่งรีบ จนลืมดูว่าแสงจุดที่เจ้าหล่อนยืน มันเป็นไงบ้าง ถ้ายกกล้องขึ้นกดชัตเตอร์เลย อาจได้ภาพที่ออกมา ไม่ over ก็คง under น้อยนะครับที่ภาพจะออกมาพอดี<br /><br />วิธีแก้ก็ต้องค่อยดูสภาพแสงครับ ถ้าเปลี่ยนก็ปรับตาม ซึ่งส่วนใหญ่ตัวที่ถูกปรับ จะเป็น <!-google_ad_section_start>Speed shutter<!-google_ad_section_end> หรือ <!-google_ad_section_start>fstop<!-google_ad_section_end> บ้างเล็กน้อย ภาพบางภาพถ่ายถ่ายที่เดียวกัน คนละเวลา แต่ได้สภาพแสงออกมาเกือบจะเท่ากันก็เพราะงี้ล่ะครับ รวบไปเลยทั้งข้อดีข้อเสีย ส่วนจะปรับมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับการวัดแสงของเราล่ะครับ<br /><br />หรือ จะลักไก่ใช้ความเป็นดิจิตอลเข้าว่า คือก็ลองปรับกะๆ ดูก่อนครับ แล้วถ่ายๆเลยซักภาพ จากนั้นก็ playback ดู ว่าใช้ได้ยัง แล้วก็เลือกปรับเอา ว่าจะ fstop หรือ speed shutter ผมว่าสับไปไม่เกิน 3 ภาพหรอก ได้สภาพแสงที่น่าพอใจแน่ๆ อิอิ แล้วค่อยไปลบภาพที่เราสับลองนั้นทิ้ง แล้วพอผ่านไปซักหน่อยก็ปรับตามแสงไปครับ จบทริปได้ภาพสวยแน่ๆ <br /><br />งั้นมาตามต่อนะครับกับโหมดต่อไป<br /><br /><span style="font-family:verdana;"><span style="color: rgb(0, 102, 0);"><b><span style="font-size:130%;">บทความที่เกี่ยวข้อง</span></b><br /></span></span><ul><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/av-2.html">โหมดการถ่ายภาพ A sinv Av ภาค 2</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/blog-post_09.html">มือก็นิ่ง โฟกัสได้แล้ว ทำไมภาพยังเบลอๆ ไหวๆ</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/11/blog-post.html">ซอกหลืบสยองของโลกดิจิตอล</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/stop-action.html">stop action เค้าค้างกันอย่างไร</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/1_9129.html">วัดแสง 1 แบบเฉลี่ยทั้งภาพ</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/2.html">วัดแสง 2 แบบเฉลี่ยหนักกลางและเฉพาะจุด</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/speed-shutter-iso.html">Speed Shutter และ ISO</a></li><br /></ul><br /><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-28118169743621673622009-12-15T12:13:00.007+07:002009-12-18T18:16:09.427+07:00คู่งัดข้อที่ขับเขี้ยวกันตลอด D300s จากค่าย Nikon<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhwt4JtG_ey7-rXsFF-IuAsM0nuz7BY2sx_TuEbzg0Z8rMuDqyIpkrMO44DqLKLF36YUoF-ulOP1MEB2JEmWc2X_mVQTV1dXLoPuRseVgbJ_OgPGG77RSyqFVtG8FhELPtSCprpY3HnHsU/s1600-h/D300S_.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 150px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhwt4JtG_ey7-rXsFF-IuAsM0nuz7BY2sx_TuEbzg0Z8rMuDqyIpkrMO44DqLKLF36YUoF-ulOP1MEB2JEmWc2X_mVQTV1dXLoPuRseVgbJ_OgPGG77RSyqFVtG8FhELPtSCprpY3HnHsU/s200/D300S_.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5415327238001274322" /></a><br />ถ้าไม่เอามาพูดเลยก็จะดูเหมือนผมเชียร์หนอน แต่ใจจริงแล้วอยากเอามาให้ดูกันมากกว่าครับ ที่เลือกเจ้า 2 ค่ายนี้ก็เพราะว่าในบ้านเราแล้วเห็นเยอะสุดเลย แต่ไหนๆ ก็เริ่มไปแล้วก็ต้องเอาให้ครบกันไปเลย <br /><br />สำหรับการเปิดตัว เจ้า 2 ตัวนี้ ตัวที่มาก่อนคือ <!-google_ad_section_start>Nikon<!-google_ad_section_end> ส่วนตัวที่ตามมาเกทับคือ <!-google_ad_section_start>Canon<!-google_ad_section_end> <br /><span id="fullpost"><br />งั้นมาดูสเปกของ เจ้า D300s ตัวนี้กันครับ<br /><br /> * ความละเอียด 13.1 ล้านเม็กกะพิกเซล CMOS sensor (หรือราว 12 ล้าน)<br /> * ถ่ายภาพวิดิโอขนาด 1280x720p พิกเซล ที่ความเร็ว 24 เฟรมต่อวินาที<br /> * 3.0" LCD monitor (ความละเอียด 920,000 จุด)<br /> * Image sensor cleaning (sensor shake) ระบบทำความสะอาดเซ็นเซอร์แบบสั่น<br /> * ระบบโฟกัส 51 AF points<br /> * IS0 200-3200 range เพิ่มได้ถึง 6400<br /> * ถ่ายต่อเนื่อง 7 เฟรม/วิ หรือ 17 ไฟล์แบบ RAW และ 44 ไฟล์แบบ JPEG <br /> * Expeed image processing ตัวนี้เป็นโปรเซสเซอร์ตามแบบของนิคเค้าล่ะครับ ตามรุ่นพี่ คือ D300<br /> <br /><br /><object width="560" height="340"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/0xMCM7_A1U4&hl=en_US&fs=1&"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/0xMCM7_A1U4&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="560" height="340"></embed></object><br /><br />ว่าไปต่ออีกหน่อยครับ สำหรับ <!-google_ad_section_start>D300s<!-google_ad_section_end> ตัวที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากรุ่นพี่อย่าง <!-google_ad_section_start>D300<!-google_ad_section_end> ก็เรื่องของการถ่ายภาพเคลื่อนไหว ที่แก้ลำรับช่วงต่อมาจาก D90 อีกที ด้วยความละเอียดขนาด Full HD แถมยังพัฒนาเรื่องการโฟกัสอัติโนมัติมาให้ ซึ่ง <!-google_ad_section_start>D90<!-google_ad_section_end> จะต้องใช้แบบ Manual (เมื่อถ่ายภาพเครื่อนไหว) และสำหรับเรื่องเสียงที่ D300s ได้เพิ่มช่องสำหรับต่อสายไม่โครโฟนภายนอกได้ จุดนี้จะช่วยได้มากเรื่องสัญญาณรบกวน และคุณภาพเสียง<br /><br />และแล้วก็ถึงคราวที่ต้องตามให้จบครับ กับ <!-google_ad_section_start>compact<!-google_ad_section_end> เด๊่ยวตามดูนะครับ ของทั้งสองค่ายนี้แหล่ะ หรืออยากให้เอาตัวไหนมาลงฝากกันก็โพส บอกมาได้ครับ<br /><br /><span style="font-family:verdana;"><span style="color:#006600;"><b><span style="font-size:130%;">บทความที่เกี่ยวข้อง</span></b><br /></span></span><ul><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/raw.html">RAW ทำไมถ่ายแล้วจำเอาเลยไม่ต้องรอ..</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/11/blog-post.html">ซอกหลืบสยองของโลกดิจิตอล</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/06/1.html">ร้อย เอา 1 อัดกันเข้าไป???</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/blog-post_7544.html">การจัดเก็บกล้องและอุปกรณ์</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/speed-shutter-iso.html">Speed shutter และ ISO</a></li><br /></ul><br /><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-77832406353650337482009-12-14T18:28:00.008+07:002009-12-18T18:17:46.942+07:00มาดูหมัดเด็ด 1 ใน 2 ยักษ์ใหญ่ของกล้องในไทย EOS 7D<object width="560" height="340"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/2cFS83r3c3U&hl=en_US&fs=1&"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowscriptaccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/2cFS83r3c3U&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="560" height="340"></embed></object><br /><br />มา Review กันครับ คร่าวๆ ไม่ลึกมาก เอาแค่พอเข้าใจ ผมคงพยายามเกาะแค่ 2 ค่ายนะครับ แล้วถ้าต้องการตัวไหน บอกมาได้ครับ เด๊่ยวผมหามาให้ อย่างแรกมาดูกันก่อนเลย<br /><span id="fullpost"><br />ความละเอียด 18.0 ล้านพิกเซล APS-C CMOS Sensor:<br />มาก่อนเลยและมีการปรับปรุงตัวเซ็นเซอร์ให้สามารถรองรับการใช้งานในสภาวะ ISO สูงๆ ถ้าถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้ โดยที่ ดัน ISO สูงๆไปแล้วภาพยังเนียนไม่เกิด Noise ว่างั้นเถอะ<br /><br />Dual <!-google_ad_section_start>DIGIC IV<!-google_ad_section_end> processors:<br />แหงแซะกล้องที่ความจุมากขึ้นหากต้องการเวลาในการประมวลผลน้อย ก็ต้องอัด ตัวประมวลผลกันเข้าไปครับ เจ้าตัวนี้ เป็น digic 4 แถมยังทำงานเป็นคู่อีก<br /><br />ISO 100-6400:<br />สามารถขยาย ถึง 12800 โดยยังคงคุณภาพของไฟล์ไว้ เจ้าเรื่อง iso เนี่ย ผมคิดเล่นๆนะครับ ถ้าวันนึงเทคโนโลยีพวกนี้ก้าวไปมากๆล่ะก็อีกหน่อยขาตั้งกล้องคงไม่จำเป็น ก็ดัน iso สู้กันไปเลย<br /><br />ระบบโฟกัส 19 จุด Cross type:<br />เรื่องของการโฟกัสหลายจุด นิยมใช้ในโหมดอัตโนมัติล่ะครับ ดูๆไปก็เหมือนดาบสองคม เค้าเลยมีมาให้เลือกใช้ครับ ว่าจะเอาเลือกแบบโฟกัส ยังไง จุดเดียว หรือหลายจุด โซน ว่ากันไปครับ ให้มา 5 แบบ Single AF , spot AF , AF Point Expansion, Zone AF และ All 19 Point<br /><br />ถ่ายภาพต่อเนื่อง 8 fps :<br />ได้ไฟล์ความละเอียด 14-bit หรือ 15 ไฟล์ สำหรับ RAW และ 126 ไฟล์ ถ้าเป็นJPEGs. แล้วค่อยมาฟังเสียงรัวครับ<br /><br />ระบบ วัดแสงแบบ iFCL:<br />แยกเป็น 63 โซน dual layer ซะด้วยครับ ไม่รวมถึงการวัดแสงแบบต่างๆที่ว่ามานะครับ<br /><br /><br />โหมดถ่ายภาพเคลื่อนไหว:<br />ความละเอียด 1929 x 1080 ที่ความเร็วม 30 เฟรม/วิ, 24เฟรม/วิ และ 25เฟรมวิ.<br /><br />ตัวกล้องทำจาก โลหะ ผสม แมกนีเซียม:<br />กันน้ำ และฝุ่น <!-google_ad_section_start>EOS 7D<!-google_ad_section_end> และอายุของชัตเตอร์ 150,000 ครั้ง.<br /><br />ออ เจ้าตัวที่เค้าเทน้ำใส่นั่น ดูเลนส์หน่อยนะครับ ไม่ใช่เลนส์ที่ติดมาตอนแรกนะ แล้วตอนเทน้ำก็ให้โดนแบบด้านข้างนะครับ ไม่ได้เทราดเลย ดังนั้นการดูแลให้ไกลความชื้นก็ยังจำเป็นสำหรับ<!-google_ad_section_start>กล้อง<!-google_ad_section_end>และ<!-google_ad_section_start>เลนส์<!-google_ad_section_end>นะครับ ^_^<br /><span style="font-family:verdana;"><span style="color: rgb(0, 102, 0);"><b><span style="font-size:130%;">บทความที่เกี่ยวข้อง</span></b><br /></span></span><ul><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/12/raw.html">RAW ทำไมถ่ายแล้วจำเอาเลยไม่ต้องรอ..</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/11/blog-post.html">ซอกหลืบสยองของโลกดิจิตอล</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/06/1.html">ร้อย เอา 1 อัดกันเข้าไป???</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/blog-post_7544.html">การจัดเก็บกล้องและอุปกรณ์</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/speed-shutter-iso.html">Speed shutter และ ISO</a></li><br /><br /></ul><br /><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8272229534499357834.post-15207744341426134182009-12-13T09:27:00.000+07:002009-12-13T09:27:00.252+07:00RAW ทำไม..ถ่ายแล้วจะเอาเลยไม่ต้องรอมาทำความรู้จักเรื่องของไฟล์ภาพที่จากกล้องดิจิตอลของเราครับ ซึ่งหลักๆก็คือไฟล์ในสกุล Jpeg(JPG) แต่ มีความละเอียดในการแสดงผลได้มากถึง 16 ล้านสี ดูเหลือเฟือนะครับสำหรับใช้กับภาพถ่าย ทำให้ตัวภาพมีขนาดเล็กลง เล็กลงเมื่อเทียบกับอะไรล่ะ ก็ไฟล์อีกแบบไงครับ ไฟล์ที่ว่านี้คือ<br /><span id="fullpost"><br />ไฟล์แบบ RAW ไฟล์ 2 แบบนี่แหล่ะครับที่มาจากกล้องเรา ซึ่งโดยปกติแล้วในเมนูของกล้องดิจิตอลของเรา จะมีให้เลือกว่าจะให้บันทึกเป็นไฟล์แบบไหน เช่น RAW หรือ JPEG หรือ RAW+JPEG คำถามคือ แล้วมันต่างกันยังไง???<br /><br />งั้นกลับไปพูดถึงวิธีการ หรือการมาของไฟล์ทั้ง 2 แบบที่เกิดขึ้นจากกล้องดิจิตอล ก่อนนะครับ<br /><br /><span style="font-weight: bold;">แบบแรกคือ ไฟล์ JPEG</span><br /><br />เมื่อกดชัตเตอร์------เซ็นเซอร์รับภาพ(แปลงสัญญาณอนาลอกเป็นดิจิตอล)---ได้ RAW-------ชิปประมวลผล (เพื่อ convert ไฟล์เป็น JPEGและทำไฟล์เล็กๆเป็น JPEG มาแสดงผลที่จอภาพของกล้องดิจิตอล)-----------ลบไฟล์ RAW ทิ้ง<br /><br /><span style="font-weight: bold;"><br />อีกแบบคือ RAW</span><br /><br />เมื่อกดชัตเตอร์------เซ็นเซอร์รับภาพ(แปลงสัญญาณอนาลอกเป็นดิจิตอล)---ได้ RAW-------ชิปประมวลผล (เพื่อ convert ไฟล์เป็นไฟล์เล็กๆเป็น JPEG มาแสดงผลที่จอภาพของกล้องดิจิตอล)<br /><br />พอเห็นข้อแตกต่างหรือยังครับ แล้วยังมีข้อแตกต่างอีกแบบ คือเรื่องขนาดไฟล์ภาพ ถ้าเป็น RAW ขนาดจะใหญ่กว่า JPEG เพราะต้องบรรจุค่าตัวเลข 0 และ 1 แบบเต็มๆไร้การบีบอัด แต่สิ่งที่ตามมาคือพื้นที่ในการจัดเก็บเจ้าไฟล์ภาพเหล่านี้ ทั้งที่เมมโมรี่เอง ทั้งเนื้อที่ในฮาร์ดิสของ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านต้องใช้มากกว่า JPEG 3-4 เท่า<br /><br />ข้อแตกต่างอีกข้อที่ตามมาคือ ความละเอียดครับ แน่นอนไฟล์ใหญ่กว่า ความละเอียดก็สูงกว่า ทั้งเรื่องการไล่โทนสี และการแสดงผล<br /><br />อีกอย่าง คือ ยุ่งยากว่าเห็นๆ เพราะไฟล์ RAW จะนำไปใช้ได้ต้องทำการ convet ที่คอมพิวเตอร์ซะก่อน เช่นส่งร้านอัดภาพ ก็ JPEG หรือใช้ในเว็ปก็ว่ากันไปครับ จึงใช้เวลามากกว่า JPEG<br /><br />อีกข้อก็คือ RAW ยืดหยุ่นกว่า ด้วยความที่ต้องผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อแปลงไฟล์ แต่ระวหว่างนั้นก็จะมีการปรับแต่งต่างๆ เช่น White Blance โทนสี การกำจัด Noise ปรับ ความคมชัด ความเพิ่ม/ลดความสว่าง จำทำได้มากกว่า JPEG<br /><br /><span style="font-weight: bold;">งั้นขอเสริมว่าถ้าจะเลือกใช้</span><br />รู้ข้อดีและข้อด้อยของไฟล์ภาพทั้ง 2 แบบแล้ว ก็เลือกใช้ได้ตามสะดวกครับ เช่นว่าไม่รีบมาก พอมีเวลาทำไฟล์ หรือเก็บเอาไว้ใช้นานๆ ก็ให้กล้องดิจิจตอลบันทึกภาพแบบ RAW ไปได้ครับ หรือถ้าเร่งรีบ มีพื้นที่จัดเก็บน้อย หรือถ่ายเล่นๆ ก็ JPEG<br /><br />บางครั้งการรอคอยถ้ามันคุ้มค่าก็น่ารอ จริงมั้ยครับ<br /><br /><span style="font-family:verdana;"><span style="color: rgb(0, 102, 0);"><b><span style="font-size:130%;">บทความที่เกี่ยวข้อง</span></b><br /></span></span><ul><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/11/blog-post.html">ซอกหลืบสยองของโลกดิจิตอล</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/06/1.html">ร้อยเอา 1 อัดกันเข้าไป ???</a></li><br /><li><a href="http://photohow2.blogspot.com/2009/05/save.html">การ save ภาพเพื่อใช้ในเว็ป</a></li><br /><br /></ul><br /><br /></span><div class="blogger-post-footer">http://photohow2.blogspot.com
เราเขียนเรื่อง กล้องดิจิตอล ทิป เทคนิค การถ่ายภาพ</div>นาย yodhttp://www.blogger.com/profile/13717827603560615575noreply@blogger.com0