White Balance กับการใช้งาน

ความหมายตรงๆตัว คือ การแก้ค่าสีของวัตถุสีขาว หรือสมดุลของสีขาว เคยเจอภาพที่ถ่ายออกมามั้ยในภาพห้องที่ต่างกันมั้ยครับ บางภาพออกอมแดง อมฟ้า บางภาพออกมาพอดี(ตรงตามที่ต้องการ) ซึ่งเกิดจากการถ่ายภาพในสภาพแสงที่แตกต่างกัน เช่น กลางแจ้ง ในห้องทำงาน ทำให้สีขาวในภาพไม่ขาวอย่างที่เป็น เป็นผลให้สีอื่นๆผิดเพี้ยนไป

ด้วย ทางแก้ที่ได้ผลคือการใส่ฟิลเตอร์สีแก้ตามสภาพแสงใช้งาน
ในส่วนนี้กล้องจึงกำหนดฟิลเตอร์ในตัวขึ้นมากลุ่มหนึ่งเพื่อช่วยผู้ใช้งาน สามารถเลือกใช้ได้ทันที เพื่อให้ตรงกับสภาพแสงที่จะถ่ายภาพ เช่น ในตอนที่มีแดดจ้า ตอนที่แดดร่มลมตก ตอนที่อยู่ในห้องใช้แสงจากหลอดไฟ เป็นต้น White Balance ในกล้องจะปรากฎปุ่มนี้เป็นตัวย่อ WB ซึ่งจะกำหนดสัญลักษณ์ขึ้นมาเพื่ออธิบายความหมายของแต่ละแบบ

1. แบบ Auto ใช้ง่ายทุกงาน แม่นบ้างเพี้ยนบ้าง แล้วแต่กล้องครับ

2. Daylight หรือ Sunny เรียกต่างกันไป แต่ก็สัญลักษณ์ เหมือนกันครับ ใช้กรณีที่ถ่ายภาพกลางแจ้ง และมีแดด เช่นตอนกลางวัน

3. Cloudy ใช้ในกรณีอาทิตย์อยุ่หลังเมฆ หรือวันอืมครึม

4. Shade ใช้เพื่อถ่ายภาพใต้ร่มเงา เช่น ร่มไม้ ใต้ชายคา เป็นต้น

5. Tungsten ใช้ถ่ายกรณีมีแสงจากหลอดใส้ เช่น หลอดกลม 20 หรือ100 วัตต์ที่เขียงหมูชอบใช้เพื่อเพิ่มสีสัน เพราะจะให้แสงออกส้ม มีใช้กันเยอะมากทั้งตามงาน สถานที่ทั่วไป

6. Fluorescent ใช้กรณีถ่ายภาพใต้แสงหลอดไฟแบบกระพริบ หรือที่เรียกกันผิดจนติดปากคือไฟจากหลอดนีออน

7. Flash ใช้กรณีเปิดใช้แฟลชเป้นแสงหลักในการถ่ายภาพ

8. Custom โหมดนี้กำหนดให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าแสง ณ ตอนนั้นนำมาใช้ เป็น wb ของกล้องเลย มักใช้เมื่อไม่แน่ใจว่าแหล่งกำเนิดแสงเป็นแบบไหนกัน หรือซับซ้อนเกินไป ซึ่งอาจเซ้ตง่ายๆ โดยตั้งโหมด auto แล้วถ่ายมาถ่ายพื้นขาวล้วนที่ส่องโดยแสงตอนนั้น มา แล้วมาเลือกโหมดนี้ จากนั้นกล้องจะถามหาภาพที่จะเอาเป็นแบบในการเทียบแสง เราก็เลือกภาพที่เพิ่งถ่ายไปเป็นแบบ ซ่วิธีการอาจแตกต่างไปบ้างในกล้องแต่ละยี่ห้อ

บางท่านอาจแย้งคิดไปว่า แล้วที่กล้องเราใช้อยู่ตั้งตัว White Balance ไว้ที่ Auto ภาพก็ออกมาดีน่าพอใจ คำตอบคือจะออกมาดีหรือไม่ดี แล้วแต่เทคโนโลยีของกล้องครับ แต่ถึงอย่างไรก็ยังจำต้องทราบเรื่อง White Balance ไว้อยู่ดีครับ เพื่อการประยุกต์ใช้งานเดี๋ยวมาต่อเรื่องการประยุกต์ใช้ครับ