PHOTOHOW2 การถ่ายภาพ ทิป เทคนิค

สวัสดีปีใหม่ครับ

เริ่มปีใหม่ กับเริ่มมีแนวคิดเพิ่มเติม งั้นปีเสือปีนี้ ขอลองเอาภาพทำเป็น Free wallpaper แจกกันไปเลย ทริปไหน มีภาพไหนเด็ด จะทำออกมาให้โหลดไปใช้กันฟรีๆ ลำหรับขนาดที่คิดไว้ก็ขออยู่ที่ 1600x900 พิกก่อนครับ และอีกแนวคิดคือ การพรีวิวกล้องมาใหม่ ทั้งที่เข้า และไม่กล้าเข้าไทย เอาให้หลายๆ จ้าว อย่าง canon nikon panasonic sony olympus ฯ จะได้ครบและหลากหลาย

การเผยแพร่บทความ ทางผมไม่หวงเลยครับ เพียงแต่ขอลงท้ายไว้หน่อยครับว่ามาจาก http://photohow2.blogspot.com/ ^_^..........................นายยอด.

เอาปฏิทินมาฝากครับ เพิ่ง ทำเสร็จ ถ้าชอบ ช่วยส่งต่อด้วย ลองใช้ดูไม่ถูกใจยังไงบอกกันบ้างครับ คลิกตามลิ้งค์นี้ หรือดูตามหัวข้อด้านล่าง
เริ่มเขียนก็เริ่มเยอะ ผมเลยเพิ่มสารบัญมาให้ค้นหาง่ายขึ้นครับ ที่มุมขวามือนี้นะ ------>>>

13 พฤษภาคม 2552

วิธีการถ่ายภาพภูเขา 10 ข้อ

หนึ่งในสิ่งที่ช่างภาพนักเดินทางทั้งหลายชื่นชอบคงจะหนีไม่พ้นภูเขาตระหง่านตระการตา เทคนิคในการถ่ายภาพภูเขาก็มีอยู่มากมายหลายประการ แต่ครั้งนี้ได้รวบรวมหัวใจสำคัญไว้ด้วยกัน 10 ข้อ ลองอ่านดูแล้วจะพบว่า คุณเองก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน



1. วางแผนและค้นคว้า ก่อนออกเดินทาง ช่างภาพควรใช้เวลาสักนิดในการค้นคว้าหาข้อมูล ทำความรู้จักกับที่ๆ จะไปให้ดีเสียก่อน เพื่อเป็นการวาง แผนการเดินทางให้คุ้มค่าและใช้เวลาได้อย่างเกิดประโยชน์มากที่สุด เช่น พระอาทิตย์ขึ้นและตกในตำแหน่งใด ช่างภาพจะได้อยู่ถูกที่ถูกเวลาและรู้ทิศ ทางของแสง ว่าช่วงเช้า ช่วงบ่าย และช่วงเย็นจะไปถ่ายภาพในตำแหน่งใด ก่อนหรือหลัง ถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกยังจุดใด ซึ่งจะทำให้ช่างภาพสามารถวางแผนใช้ช่วงเวลาของแสงได้อย่างเต็มที่ตลอดทั้งวัน รวมทั้งฤดูกาลที่เหมาะสมเช่น ฤดูร้อน ฤดูฝน หรือฤดูหนาว

2. ใช้ผลจากการถ่ายภาพระยะไกลด้วยเลนส์เทเลโฟโต้ การถ่ายภาพวิวทิวทัศน์หรือภูเขาไม่จำเป็นต้องใช้เลนส์มุมกว้างเสมอไป เลนส์เทเลโฟโต้ก็สามารถนำมาถ่ายภาพวิวได้เช่นกัน แถมยังให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ช่างภาพอาจใช้เลนส์เทเลโฟโต้ในการถ่ายภาพเพื่อเน้นเฉพาะส่วนที่น่าสนใจซึ่งจะส่งผลต่อความรู้สึกและมีพลังในภาพมากยิ่งขึ้น การใช้รูรับแสงถ้าต้องการให้วัตถุภายในภาพชัดเจนทุกส่วนก็ควรใช้รูรับแสงแคบ เช่น F22 หรือ F32 แต่ปัญหาที่ตามมาคือความเร็วชัตเตอร์ต่ำต้องใช้ขาตั้งกล้องที่มั่นคงแข็งแรงและใช้ร่วมกับสายลั่นชัตเตอร์ทุกครั้ง หากไม่มีก็ใช้ระบบตั้งเวลาถ่ายภาพอัตโนมัติก็ได้

3. มองหาการสะท้อน ช่างถ่ายภาพภูเขามืออาชีพมักขวนขวายและเสาะหาบางสิ่งบางอย่างที่เหนือกว่าและน่าสนใจเพิ่มเติมลงในภาพ เพื่อให้ได้ผลงานที่แตกต่างไปจากภาพผลงานแบบเก่าๆ ภูเขาลูกเดียวกันแต่อาจเปลี่ยนมุมมองด้วยการส่งภูเขาลงสู่ทะเลสาบหรือหนองน้ำที่กว้างใหญ่ ทำให้เกิดเป็นภาพสะท้อนขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ภาพถ่ายมีความน่าสนใจและเพิ่มเรื่องราวให้กับภาพได้เป็นอย่างดี

4. สร้างภาพให้มีมิติ ช่างภาพควรมองหาส่วนประกอบสำคัญที่สามารถเติมเต็มพื้นที่ในภาพนอกเหนือจากตัวภูเขาอันจะส่งผลทำให้เกิดความ ต้องตาต้องใจมากยิ่งขึ้น เช่น การหาวัตถุที่น่าสนใจรวมเข้าเป็นฉากหน้า อาจจะเป็นเงาดำของต้นไม้ใหญ่ ทุ่งดอกไม้ น้ำตก หรือแม้แต่บรรยากาศในตัวมันเองเป็นต้น ทำให้เกิดมิติที่แตกต่างกันในส่วนที่อยู่ใกล้และฉากหลังที่อยู่ไกลออกไป ภาพในลักษณะนี้ภูเขาอาจเป็นส่วนสำคัญรองลงไปกว่าฉากหน้าก็ได้ เพราะอย่างไรเสียภูเขาก็ยังคงเป็นบรรยากาศที่น่าสนใจในภาพอยู่ดี

5. มองจากมุมที่สูงกว่า เป็นเรื่องง่ายและเบสิคมาก สำหรับการถ่ายภาพภูเขาจากระดับพื้นดิน สิ่งที่จะทำให้ภาพเร้าอารมณ์มากขึ้นคือ การขึ้นไต่ขึ้นไปสู่ที่สูงแล้วบันทึกโลกจากมุมมองที่เหนือกว่า นำเสนออีกทิศทางหนึ่งของภูเขาที่แตกต่างออกไป ช่างภาพต้องใช้ความพยายามมากสักหน่อยกว่าจะได้มุมมองดังกล่าว อาจต้องเดินทางขึ้นเขากันเป็นวันๆ แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่จะได้กลับมาอย่างแน่นอน ทั้งภาพถ่ายและความรู้สึก ช่างภาพอาจเพิ่มเรื่องราวในขณะเดินทางไต่เขาก็จะยิ่งเติมเต็มเนื้อหาให้กับภาพถ่ายภูเขามากยิ่งขึ้น

6. วางตำแหน่งโพลาไรซ์ให้ถูกทิศถูกทาง ช่างภาพส่วนใหญ่มักจะใช้ฟิลเตอร์ โพลาไรซ์เพื่อขับสีสันของท้องฟ้าให้เข้มข้นขึ้นในการถ่ายภาพวิว แต่การจะได้ภาพเป็นที่น่าสนใจไม่ได้จบแค่การใส่ฟิลเตอร์โพลาไรซ์แล้วถ่ายภาพวิวเท่านั้น ช่างภาพต้องเรียนรู้มุมสะท้อนของแสงอาทิตย์อันจะส่งผลให้ใช้ประโยชน์จากมุมโพลาไรซ์ได้ประสิทธิภาพสูงสุด และยังสามารถวางตำแหน่งของภูเขาในภาพได้อย่างถูกต้อง โดยมุมที่ตั้งฉากกับดวงอาทิตย์จะเกิดผลในการใช้ฟิลเตอร์ชนิดนี้มากที่สุด การใช้งานให้ปรับมุมฟิลเตอร์พร้อมกับสังเกตความเปลี่ยนแปลงจากช่องมองภาพโดยเลือกเอาตำแหน่งการปรับฟิลเตอร์ที่เห็นว่าได้ภาพดีที่สุด

7. หมอกและแสงหลัง สิ่งอันเป็นความปรารถณาของผู้รักการถ่ายภาพหุบเขาทั้งหลายคงหนีไม่พ้นทะเลหมอก ที่ช่างภาพ ต้องขนอุปกรณ์เป็นระยะทางไกลขึ้นสู่ไหล่เขาสูงจนได้ระดับ แต่นั่นก็คุ้มค่าเพราะช่างภาพสามารถใช้ความลี้ลับของทะเล หมอกทำให้ภูเขามีความลึกลับน่าค้นหาได้เป็นอย่างดี ยิ่งยามใดที่ปรากฏทะเลหมอกขึ้นยังบริเวณหุบเขาและมีแสงส่องเข้ามาทางหลัง จะส่งผลให้ภาพหุบเขาเกิดเป็นเงาดำทึบตัดกับผืนหมอกที่กำลังสะท้อนแสงแลดูสวยงามจับใจ

8. รวมคนเข้าไปในภาพ การแสดงสัดส่วนและขนาดเป็นสิ่งสำคัญในภาพถ่ายแทบทุกประเภท ในการถ่ายภาพภูเขาบางครั้งอาจใช้ต้นไม้ หรือก้อนหินเป็นส่วนประกอบ แต่ในบางโอกาสช่างภาพก็ไม่สามารถที่จะหาบางสิ่งบางอย่างมาใช้ทดแทนเพื่อบอกขนาดอันใหญ่โตของภูเขาและทิวทัศน์ที่กว้างไกลได้เลย การรวมคนเข้าไปในภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญในยามที่ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเช่นนี้ แถมยังเพิ่มความน่าสนให้กับภาพรวมทั้งบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางได้อีกด้วย

9. มองหาและเข้าใกล้ เพื่อที่จะช่วยสร้างความรู้สึกชัดลึกให้เกิดขึ้นในภาพวิวทิวทัศน์ ช่างภาพควรมองหาวัตถุที่อยู่ในระยะใกล้วางเคียงคู่ประกอบกับภูเขาเข้าในภาพ อาจเป็นดอกไม้ น้ำตก หรือก้อนหินในบริเวณนั้นก็ได้ เพื่อที่จะเพิ่มจุดสนใจและสร้างความแตกต่างของสัดส่วนให้เกิดขึ้นกับภูเขา ช่วยเน้นให้เห็นระยะทาง และเป็นการเร้าอารมณ์ความรู้สึกให้เกิดขึ้นต่อภาพภูเขาได้ดีอีกลักษณะหนึ่งเช่นกัน แต่ต้องระมัด ระวังเรื่องระยะชัดลึกของภาพให้ดี หากมีสิ่งที่อยู่ใกล้กล้องมากๆ ต้องใช้รูรับแสงแคบเพื่อให้ได้ภาพที่มีระยะชัดลึกสม่ำเสมอทั่วทั้งภาพ

10. ตื่นแต่เช้าตรู่ แสงในช่วงบ่ายต้องถือเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ส่องแสงดั่งต้องมนต์มายา เพราะเป็นช่วงที่ให้แสงอบอุ่น ซึ่งช่างภาพนำมาใช้ประโยชน์ในการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี แต่ยังมีแสงอีกช่วงหนึ่งที่ทรงคุณค่าไม่แพ้กันนั่นก็คือแสงพระอาทิตย์ในช่วงเช้าตรู่ ด้วยสีฟ้าบริเวณชั้นบรรยากาศอันห่างไกล และแสงสีชมพูบนท้องฟ้า เมื่อสองสีรวมเข้าด้วยกันประกอบกับภูเขาเบื้องล่าง ทำให้ภาพที่ออกมากลายเป็นภาพภูเขาที่งดงาม ให้ความรู้สึกบางเบาและสงบเงียบ ช่างภาพภูเขาจึงควรใช้ช่วงเวลานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ปล่อยให้สูญเปล่ากับการพักผ่อนหลับนอน

เครดิต : กำพล โอภาศกุล
ของเค้าดีจริงๆ

2 ความคิดเห็น:

≈ℓσvє♬≈ กล่าวว่า...

ทิป ดีๆ ขอบคุณมากค่ะ

นาย yod กล่าวว่า...

ขอบคุณที่ติดตามและขอให้สนุกกับการถ่ายภาพครับ

แสดงความคิดเห็น

อยากรู้จัง ว่าคิดไงกับบทความนี้ครับ

กิจกรรมที่น่าออกทริป

งานแสดงพลุนานาชาติประจำปี 2552-54
งานแสดงและประกวดพลุนานาชาติ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 มี 10 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน เดนมาร์ก เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา งานจัดที่ี่เมืองทองธานี โดยการแสดงและการประกวดพลุนานาชาติจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนธันวาคม 2552 และจะจัดต่อเนื่องไปจนถึงเดือนธันวาคม 2554 เพื่อชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยแบ่งการประกวดออกเป็น 4 ชุด ได้แก่
- ชุดปฐมฤกษ์เบิกฟ้า มหาราชาในดวงใจจากประเทศจีน
- ชุด ธ จอมไทย เกริกไกรทั่วทิศ จากประเทศญี่ปุ่น
- ชุดพระร่มโพธิ์เพชรปกเกล้า ร่มเย็นทั่วแคว้นแดนสยาม จากชมรมพลุประเทศไทย
- ชุดเกร็ดแก้วแพรวนภา ทั่วหล้าเทิดไท้องค์ราชัน จากประเทศเยอรมนี
ส่วนอีกครั้งในเดือน สิงหาคม และธันวาคม จะที่ไหนนั้น เด๊่ยวผมจะตามเรื่องมาฝากครับ