จากที่เกร่นมาคราวก่อนนะครับว่ากว่าจะได้ภาพมาต้องอะไรบ้าง ส่วนที่จะนำเสนออีกเรื่องวันนี้เป็นส่วนที่คอยควบคุม speed f ISO ว่าทำไงกล้องจะรู้ว่าอย่างไหนต้องเท่าไหร่
เหล่านี้จะรู้ได้ด้วยการวัดแสง ซึ่งตัววัดแสงจะติดมากับกล้องเกือบทุกตัวในปัจจุบัน จะเรื่องทำงานพร้อมกับการโฟกัสภาพ เมื่อเรากดปุ่มชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่งครับ
การวัดแสงแบ่งออกเป็น 3 แบบคือใหญ่ๆ คือ
วัดแสงแบบเฉลี่ยทั้งภาพ (Evaluation Matrix Metering )
แบบเฉลี่ยหนักกลาง(Center Weighted Average Metering )
แบบเฉพาะจุด(Spot Metering)
มาว่าถึงการวัดแสงแต่ละแบบกันเลย
วัดแสงแบบเฉลี่ยทั้งภาพ (Evaluation Matrix Metering )
ถ้าดูรูปที่กล้องแล้วงง ให้ดูคู่มือด่วนเลยนะครับ ดูว่ากล้องเรา ภาพแบบนี้เรียกว่าอะไร น่าจะ [(*)]
ประมาณนี้มังครับ โดยตัว * ตรงกลางจะมีลักษณะเหมือนดวงตา
มาดูลักษณะการทำงานของวัดแสงแบบเฉลี่ยทั้งภาพ กัน วิธีนี้จะใช้การแบ่งพื้นที่ในภาพ หรือช่องมองภาพออกเป็นส่วนๆ แล้วเอาทุกส่วนมาคำนวณ แล้วเฉลี่ยให้ได้ตามที่ตั้งไว้ ดูวิธีวัดแสงข้างล่างครับวัดและอ่านค่ากันตามนั้นเลย
แต่ก็ตามชื่อเลยจริงมั้ยครับ เฉลี่ยทั้งภาพ คือเอาทั้งภาพมาเฉลี่ย แล้วใช้กับอะไร การวัดแสงแบบนี้ใช้กับแสงปกติทั่วไปครับ เช่นกลางแจ้ง ที่สภาพแสงด้านมืดกับสว่างไม่ต่างกันมาก
ภาพนี้เก็บตอนเช้า แดดยังไม่แรงมาก แต่มีคามสว่างมาเจือๆ พร้อมหมอก ช่วยกัน วัดเฉลี่ยได้เลยคร้าบ
วิธีการวัดแสง
ผลที่ได้จากการวักแสงค่อ มืดไป-- พอดี-- และสว่าง ไป หรือที่เรียกว่า under พอดี และ Over ซึ่งการอ่านจะอ้างอิงกับตำแหน่ง 0 ตรงกลาง แต่ละหน่วยเรียกว่า stop(สตอป) จากภาพวัดแสงได้ under 1/2 stop
บทนี้หากจะลองปรับดูให้ตั้งกล้องไปที่โหมด M (Manual) นะครับ
ขึ้นอยู่กับการตั้ง ISO f และ speed ซึ่งจะสัมพันธ์กันเสมอ เช่น ตั้ง ISO 100 และตั้ง f ที่ 8 และอยากให้ภาพออกมาพอดี ทำการวัดแสง(กดปุ่มชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่ง) ตัวชี้สีแดงในภาพ ถ้าพอดีต้องมาชี้ที่ 0 หากตัวชี้ไปโผล่ด้าน under หรือ over ให้ปรับโดย speed หรือ s ไปด้วยขณะวัดแสง
กลัวจะมึนพักก่อนนะครับ อีก 2 แบบ จะมาต่อให้อีกที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
อยากรู้จัง ว่าคิดไงกับบทความนี้ครับ